สส.ปชน.บี้ตามเงินเยียวยา 'น้ำท่วมภาคกลาง' หลายแห่งจมนาน 5 เดือน

สส.ปชน.บี้ตามเงินเยียวยา 'น้ำท่วมภาคกลาง' หลายแห่งจมนาน 5 เดือน

สส.ปชน.โหมโรงไล่บี้รัฐบาล 'น้ำท่วมภาคใต้' ยังไม่จบ แต่ 'น้ำท่วมภาคกลาง' ยังอ่วม หลายแห่งจมน้ำ 5 เดือน ไล่บี้ติดตามเงินเยียวยา

KEY

POINTS

  • สส. พรรคประชาชน (ปชน.) เรียกร้องรัฐบาลเร่งรัดการจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มเติมแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคกลาง ซึ่งหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบยาวนานเกือบ 5 เดือน
  • ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว แต่ยังรอเงินเยียวยาตามขั้นบันได (ตามระยะเวลาที่น้ำท่วม) และเงินชดเชยค่าซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย
  • นอกจากการเยียวยาครัวเรือน สส. ยังเรียกร้องให้รัฐบาลฟื้นฟูพื้นที่สาธารณะที่เสียหาย เช่น ถนน ตลิ่ง และโรงเรียน พร้อมเสนอแนวทางแก้ไข

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2568 สส.พรรคประชาชน นำโดยนายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส. พระนครศรีอยุธยา เขต 1 นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส. บัญชีรายชื่อ นายเจษฎา ดนตรีเสนาะ สส. ปทุมธานี เขต 2 และนายกิตติภณ ปานพรหมมาศ สส. นครปฐม เขต 4 และกรรมาธิการทรัพยากรน้ำ พรรคประชาชน (ปชน.) วิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วมภาคกลางแต่ละแห่ง ประชาชนยังได้รับความเดือดร้อนต่อเนื่อง

  • พระนครศรีอยุธยาจมน้ำมา 5 เดือนแล้ว

นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์​ สส. พระนครศรีอยุธยา เขต 1 กล่าวว่า น้ำเริ่มท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม จนถึงปัจจุบันท่วมมานานหลายเดือนแล้ว และบางพื้นที่อาจท่วมถึงปลายปี หรือข้ามปี สถานการณ์น้ำและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ยังเดือดร้อนถ้วนหน้า ปัจจุบัน “น้ำในทาง” หรือน้ำที่เอ่อไหลท่วมทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำยังคงท่วมอยู่ แม้จะเริ่มลดลงแล้ว แต่พื้นที่ชุมชนนอกคันกันน้ำ (หรือชุมชนริมแม่น้ำ) หลายแห่งโดยเฉพาะใน อ.บางบาล ยังคงมีน้ำท่วมขังที่ความสูงประมาณ 1 เมตร และเกือบ 2 เมตร ในชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วยังคงมีความจำเป็นต้องใช้เรือพายในการเดินทางเข้า-ออกที่อยู่อาศัย

นายทวิวงศ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ประชาชนในพื้นที่เริ่มทำความสะอาดบ้านเรือนกันแล้ว แต่ในหลายพื้นที่ที่น้ำท่วมสูง ซึ่งในช่วงน้ำท่วมสูงสุด น้ำท่วมถึงระดับพื้นบ้านยกสูงหรือท่วมพื้นชั้น 2 แต่ขณะนี้บางแห่งน้ำลดลงจนไม่ท่วมพื้นบ้านแล้ว แต่ใต้ถุนบ้านนั้น น้ำยังคงท่วมสูงในระดับ 1-2 เมตร

สส.ปชน.บี้ตามเงินเยียวยา 'น้ำท่วมภาคกลาง' หลายแห่งจมนาน 5 เดือน

อย่างไรก็ตาม สัญญาณที่ดีคือ แผนการลดการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาของ กรมชลประทานและ สทนช. เตรียมมีการลดการระบายน้ำประมาณวันละ 100 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะทำให้ อ.บางบาล เข้าสู่สภาวะปกติประมาณช่วงกลางเดือนธันวาคม 2568 นี้ และพื้นที่สุดท้ายของอยุธยาที่น้ำจะลดจนเป็นปกติคือ อำเภอเสนา ซึ่งน่าจะกลับคืนสู่ปกติทั้งหมด ภายในช่วงหลังของเดือนธันวาคม รวมระยะเวลาน้ำท่วมในปีนี้ทั้งสิ้นเกือบ 5 เดือน

สำหรับพื้นที่จังหวัดอ่างทอง นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน รายงานสถานการณ์น้ำท่วมบริเวณปากคลองโผงเผง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยข้อมูลจากกรมชลประทาน ระดับน้ำท่วมบริเวณปากคลองโผงเผง ยังสูงกว่าระดับตลิ่งประมาณ 1 เมตร นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณดังกล่าวยังได้รับผลกระทำจากการกัดเซาะของน้ำ เนื่องจากแรงกระแทกของน้ำเมื่อเรือขับผ่าน  ทำให้ตลิ่งและถนนทรุดและไม่มีแนวทางป้องกันเบื้องต้น รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงกันยังประสบปัญหาน้ำผุดใต้พนังกั้นน้ำท่วมที่มีการสร้างไว้ เพราะฉะนั้นในภาพรวมประชาชนยังต้องเสี่ยงกับปัญหาตลิ่งทรุดตามมา

ส่วนพื้นที่ปลายน้ำอย่างจังหวัดปทุมธานี เจษฎา ดนตรีเสนาะ สส. ปทุมธานี เขต 2 กล่าวว่า ระดับน้ำยังคงท่วมหลายชุมชน ทั้ง อ.สามโคก และ อ.เมือง (เช่น ชุมชนเจดีย์ทอง บ้านสามเรือน วัดศาลาแดง วัดเมตารางค์ วัดป่างิ้ว วัดสวนมะม่วง คลองคู วัดโพธ์เลื่อน บ้านกระแชง เกาะลอย วัดตลาดเหนือ วัดเกาะเกรียง คลองตานก บ้านม่วง เป็นต้น) ทำให้พี่น้องประชาชนยังคงใช้ชีวิตด้วยความลำบากเพราะถ้าไม่มีสะพานและพายเรือไม่ได้ ก็ต้องเดินลุยน้ำ

เช่นเดียวกับสถานการณ์น้ำท่วมบริเวณลุ่มน้ำท่าจีน นายกิติภณ ปานพรหมมาศ สส. นครปฐม เขต 4 กล่าวว่า ชุมชนริมแม่น้ำท่าจีนหลายจุดยังมีความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง–น้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะบ้านเรือนริมคลองและพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำบางช่วงยังสูง 30–40 ซม.

สส.ปชน.บี้ตามเงินเยียวยา 'น้ำท่วมภาคกลาง' หลายแห่งจมนาน 5 เดือน

  • ตั้งคำถาม 'น้ำในทุ่ง' จะหมดเมื่อไร

ส่วน “น้ำในทุ่ง” นั้น ปริมาณน้ำยังคงท่วมทุ่งอยู่มาก และไม่สามารถระบายออกได้ เนื่องจากต้องรอให้น้ำที่อยู่ริมแม่น้ำจำเป็นต้องลดลงก่อน ถึงจะสามารถระบายน้ำออกจากทุ่งได้ ทั้งนี้ ตามแผนการระบายน้ำออกจากทุ่งของกรมชลประทานแจ้งว่า จะเริ่มระบายน้ำออกจากทุ่งบางบาล-บ้านแพน (ที่มีน้ำเหลือในทุ่ง 30.7 ล้านลูกบาศก์เมตร) ในวันที่ 1 ธันวาคม และจะระบายน้ำได้หมดในวันที่ 30 ธันวาคม ปีนี้

ส่วนพื้นที่ทุ่งที่มีการระบายน้ำออกจากทุ่งได้ล่าช้าที่สุดตามแผนดังกล่าวคือ ทุ่งโพธิ์พระยา พื้นที่กว่า 200,000 ไร่ (ปริมาณน้ำเหลือในทุ่ง 235 ล้านลูกบาศก์เมตร) จะเริ่มระบายน้ำออกจากทุ่งโพธิ์พระยา  ในวันที่ 1 ธันวาคม และจะระบายน้ำได้หมดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2569 หรือท่วมข้ามปี

นายทวิวงศ์ และนายกิตติภณ สะท้อนว่า พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ทุ่งรับน้ำเป็นห่วงว่า การระบายน้ำที่ช้า อาจจะกระทบปฏิทินการเพาะปลูกของเกษตรกรชาวนา ทำให้เริ่มเพาะปลูกได้ช้ากว่าปกติ และทำให้เกิดปัญหาข้าวกระทบร้อน (ข้าวผลผลิตต่ำเนื่องจากอุณหภูมิสูง) ในช่วงเดือนเมษายนได้

  • บี้ติดตามเงินเยียวยา

สิ่งที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้ความสนใจคือเงินช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล ซึ่งพี่น้องประชาชนส่วนมากได้รับเงินเยียวยา 9,000 บาทแล้ว แต่พี่น้องยังรอการประเมิน และเงินเยียวยาในส่วนที่เป็นขั้นบันได (ตามระยะเวลาการท่วม สูงสุด 20,000 บาท/ครัวเรือน)

นายทวิวงศ์ กล่าวด้วยว่า พี่น้องชาวอยุธยายังคงเฝ้ารอว่า จะมีเงินชดเชยค่าซ่อมแซมบ้านที่เสียหายหรือไม่ เนื่องจากในช่วงน้ำท่วม 2 ปีที่ผ่านมา มีเพียงการชดเชยค่าครองชีพ 9,000 บาท เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ไม่มีค่าชดเชยความเสียหายหรือค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจากรัฐบาล และความเสียหายต่อบ้านเรือนจริงมีมากกว่านั้น จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือตามความเสียหายจริงด้วย

  • เร่งฟื้นฟูพื้นที่ชุมชน

นอกจากการช่วยเหลือเยียวยาบ้านเรือนประชาชน พี่น้องประชาชนในภาคกลาง ยังเรียกร้องให้ รัฐบาลต้องใช้งบประมาณในการฟื้นฟูอาคารและพื้นที่สาธารณะ โดยหลังช่วงน้ำลด รัฐบาลจำเป็นต้องเป็นสื่อกลางในการจัดหาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึง อาสาสมัคร เพื่อเข้ามาช่วยเหลือการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะที่จำเป็น เช่น โรงเรียน รพสต. อาคารราชการ อาคารเอนกประสงค์ หรือ สถานที่ของส่วนรวม เป็นต้น เช่นควรตั้งเป้า ฟื้นฟูอาคารและพื้นที่โรงเรียนที่สดใสและปลอดภัยให้ทันวันเด็กปี 2569

นายณัฐวุฒิ สะท้อนความห่วงใยของพี่น้องชาวอ่างทอง ที่อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลปัญหาตลิ่งทรุดตัวโดยด่วน เพราะจะเป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชนได้  สส. กิตติภณ สะท้อนว่า พี่น้องชาวนครปฐม อยากให้รัฐบาลเร่งซ่อมแซมถนนหลายสายให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง และ สส.เจษฎา เรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแลและบูรณะโบราณสถานหลายแห่งในจังหวัดปทุมธานี ที่ต้องแช่น้ำมาเป็นเวลานานด้วย

  • เปิดแผนแก้ไขปัญหาในระยะยาว

ขณะที่นายกิตติภณ ในฐานะกรรมาธิการทรัพยากรน้ำ รายงานว่า ขณะนี้ กรรมาธิการทรัพยากรน้ำได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการฯ เพื่อพิจารณาข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมลุ่มน้ำท่าจีน-เจ้าพระยา ระยะยาว โดยการแบ่งเบายอดน้ำจากตอนบนเหนือเขื่อนเจ้าพระยา และการปรับปรุงระบบการระบายน้ำแนวเหนือใต้ ไม่ให้เกิดปัญหาคอขวดที่น้ำไหลผ่านไม่ได้ จนกลายเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ชาวอยุธยา และขาวนครปฐม ต้องรับน้ำท่วมยาวนานว่าปกติ

ส่วนนายทวิวงศ์ เห็นว่า หากรัฐบาลยังใช้วิธีการ “ระบายน้ำในทาง” เป็นหนึ่งในวิธีการบริหารมวลน้ำจำนวนมากมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้องอนุมัติงบประมาณราชการเพื่อจัดทำ “เงินสนับสนุนการดีดบ้าน-โครงสร้างพื้นฐาน” ให้แก่ประชาชนและชุมชนที่อาศัยอยู่นอกคันกั้นน้ำหรือพื้นที่ริมแม่น้ำ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ชุมชนแบบยั่งยืน เพื่อให้ชุมชนสามารถมีวิถีชีวิตที่สามารถ “อยู่ร่วมกับน้ำ” ทั้งในช่วงฤดูน้ำหลากหรือฤดูแล้งให้เกิดขึ้นจริงได้ เพราะมิเช่นนั้น ความลำบาก และ การฟื้นฟูแบบเฉพาะหน้าจะต้องดำเนินต่อไปแบบไม่รู้จบ และส่งผลกระทบแบบซ้ำซากต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนผู้ประสบภัยในทุกๆ ปี