'กมธ.พัฒนาการเมือง' สว. รับลูก สร.กทพ. สอบปมสร้างทางด่วนชั้นที่2

กมธ.พัฒนาการเมือง สว. รับลูก สร.กทพ. สอบปมสร้างทางด่วนชั้นที่2 หลังถูกท้วงขาดการมีส่วนร่วม พร้อมตรวจสอบขยายสัญญาสัมปทานเอกชน บริหารทางด่วนไปอีก 22 ปี
ที่รัฐสภา นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา รับยื่นหนังสือจากกลุ่มสหภาพแรงงานวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีการต่อสัญญาสัมปทานกับเอกชนในการบริหารจัดการทางด่วนออกไปอีก 22ปี5 เดือน ที่ส่อขัดกับกฎหมายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน และ การก่อสร้างโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่2 (งามวงศ์วาน-พระรามเก้า) ที่ขาดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน
โดยนายบัณฑิต พรึงลำภู ประธานสร.กทพ. กล่าวว่า กรณีการขยายสัญญาสัมปทานให้กับเอกชน 22 ปี 5 เดือนนั้น ส่อว่ามีความไม่ชอบมาพากล เพราะเป็นการขยายสัญญาสัมปทานให้เอกชนรายเดิม โดยไม่มีการประเปิดประมูลตามกฎหมายเพื่อให้เอกชนรายอื่นเข้าร่วมแข่งขัน ทั้งนี้ในปี2578 เวลาที่ให้สัมปทานเดิมจะหมดลงและรัฐสามารถนำมาบริหารจัดการให้เหมาะสมได้
นายบัณฑิต กล่าวต่อว่าขณะที่โครงการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่2 นั้น ปัจจุบันไม่มีความจำเป็น ปริมาณรถมีจำนวนลดลง ซึ่งจากปี 2562 ที่เป็นแนวคิดนั้นเพื่อแก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัด แต่ในปี2568 พบว่ารถมีจำนวนลดลงถึง 13% จึงไม่มีความจำเป็นอีกทั้งการสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 ยังเป็นอันตรายกับผู้ใช้ทาง ขณะที่ประเด็นการบรรเทาปัญหาการจราจร มีทางเลือกที่ดีกว่า คือ ทางด่วนเส้นเกษตร-นวมินทร์ที่เตรียมจะดำเนินการ หลังจากการก่อสร้างทางด่วนชั้นที่2
ขณะที่นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า กมธ.จะรับเรื่องไว้พิจารณาและสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงต่อกมธ. อย่างไรก็ดีมี 3 ประเด็นที่กมธ.ต้องหาความกระจ่าง คือทางเลือกที่ดีกว่าโครงการก่อสร้างทางพิเศษระดับชั้นที่2 การให้ประชาชนมีส่วนร่วมต่อโครงการดังกล่าวที่มีผลกระทบกับประชาชน รวมถึงการขยายสัญญาสัมปทานให้กับบริษัทเอกชนว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ รวมไปถึงการแก้ไขสัญญาสัมปทานที่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่
“การแก้ปัญหาจราจรในพื้นที่กทม. ถือเป็นความจำเป็นที่ต้องมีทางด่วน แต่โครงการที่จะเกิดขึ้นต้องพิจารณาว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ คุ้มค่าและตอบโจทย์การเดินทางหรือไม่ อย่างไรก็ดีเมื่อกมธ.ได้ตรวจสอบแล้วจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ผมสนับสนุนที่ว่าหากรัฐบาลจะเดินหน้าจริง ควรนำไปหาเสียงกับประชาชนก่อน เพื่อให้ได้รับความชอบธรรมต่อการผลักดัน” นายนรเศรษฐ์ กล่าว







