น้ำท่วมใต้สาหัส 'ณัฐพงษ์' ซัดรัฐอย่าผลักภาระ ปชช.พิสูจน์เยียวยา

'ณัฐพงษ์' ซัดรัฐบาล อย่าผลักภาระให้ประชาชน ต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อรับการเยียวยา ชี้น้ำท่วมใต้ครั้งนี้สาหัส พวกเขาสูญเสียมากเกินไปแล้ว
KEY
POINTS
- นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน วิจารณ์รัฐบาลที่ผลักภาระให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ตัวเองเพื่อขอรับเงินเยียวยา
- เสนอให้รัฐบาลใช้ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐที่มีอยู่ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม หรือข้อมูลทะเบียนบ้าน เพื่อจ่ายเงินเยียวยาแบบถ้วนหน้าแก่ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยโดยไม่ต้องลงทะเบียน
- ชี้ว่ากระบวนการปัจจุบันสร้างความลำบากแก่ประชาชน และเงินเยียวยาจำนวน 9,000 บาทต่อครัวเรือนไม่เพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เปิดเผยว่า อย่าผลักภาระให้ประชาชนต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อรับการ เยียวยาน้ำท่วมภาคใต้ ครั้งนี้สาหัส พวกเขาสูญเสียมากเกินไปแล้ว โดยวานนี้ (1 ธ.ค.) ตนพร้อมทีมอาสากระจกเงาและทีมงานพรรคประชาชน ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของ หาดใหญ่ สงขลา พร้อมทำภารกิจฟื้นฟูช่วยทำความสะอาดที่อยู่อาศัยพี่น้องประชาชนบริเวณชุมชนริมคลองหวะ ซอยสามัคคี และที่วัดเกาะเสือ พร้อมหารือกับสมาคมและผู้ประกอบการในพื้นที่ และพูดคุยเพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครับ
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ความเสียหายจากเหตุอุทกภัยที่ประชาชนได้รับ แม้จะแตกต่างกันบ้าง แต่ก็ได้รับผลกระทบกันทุกคน ล่าสุดที่รัฐมี มาตรการเยียวยา 9,000 บาทออกมา สร้างภาระให้ประชาชนต้องหาทางไปถ่ายเอกสารสำเนาบัตรประชาชน ทั้งที่น้ำท่วมครั้งใหญ่ทั่วเมืองขนาดนี้ ร้านถ่ายเอกสารก็คงจมน้ำไปไม่แพ้กัน ไหนจะเอกสารที่ประชาชนต้องจัดหาอีก
แม้จะมีการแจ้งแก้ไขให้ประชาชนมาลงทะเบียนพร้อมบัตรประชาชนใบเดียว หรือลงทะเบียนในระบบออนไลน์ได้ แต่กระบวนการขอรับการเยียวยาก็ยังคงเป็นภาระการพิสูจน์ของประชาชนอยู่ดี พวกเขาต้องมายืนยันตัวตนกับภาครัฐ ในขณะที่บ้านพักที่อยู่อาศัยของพวกเขาเพิ่งจมน้ำกันมาอย่างหนัก หลายคนก็ไม่สะดวก เข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต ทำให้พวกเขาต้องสูญเสียสิทธิไปโดยใช่เหตุหรือไม่
นายณัฐพงษ์ ย้ำข้อเสนออีกครั้งว่า กระบวนการเยียวยาควรมี 2 รูปแบบ
1. คือการจ่ายถ้วนหน้าให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ และ
2. การเยียวยาอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับประชาชนที่ได้รับความเสียหายเป็นการเฉพาะ ที่ต้องมีการพิสูจน์ความเสียหาย ก็เป็นอีกกระบวนการหนึ่งไป
ในส่วนของการจ่ายเงินเยียวยาถ้วนหน้าเป็นสิ่งที่อยู่ในขอบข่ายที่รัฐทำได้อยู่แล้ว เพราะข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านภูมิสารสนเทศจาก GISTDA ที่อาศัยภาพถ่ายดาวเทียม หรือข้อมูลทะเบียนบ้านจากไปรษณีย์ไทย สามารถบ่งชี้ได้อย่างแม่นยำว่าพื้นที่บ้านเรือนประชาชนส่วนไหนที่ได้รับผลกระทบบ้าง? เป็นระยะเวลากี่วัน? เข้าเงื่อนไขการเยียวยาที่กำหนดหรือไม่
"น่าเสียดายนะครับ ที่รัฐซึ่งมีข้อมูลอยู่ในมืออยู่แล้ว แต่กลับไม่นำข้อมูลเหล่านี้มาบูรณาการใช้ และกลับเลือกใช้ความเคยชินในการจ่ายเงินเยียวยาแบบเดิมๆ ทำให้ประชาชนต้องเป็นผู้รวบรวมและยื่นเอกสารกับทางการเอง เป็นการผลักภาระในการพิสูจน์ไปให้กับประชาชน ทั้งที่คลังข้อมูลของหน่วยงานรัฐต่างๆ สามารถใช้เพื่อการพิสูจน์ได้ไม่ยาก และสามารถข้ามขั้นตอนที่เป็นภาระของประชาชนอย่างการรวบรวมและยื่นเอกสารได้" นายณัฐพงษ์ระบุ
หัวหน้าพรรค ปชน.ระบุอีกว่า นอกจากนี้ จำนวนเงินเยียวยาเพียง 9,000 บาทต่อหัว นับว่าน้อยเกินไปมากสำหรับความเสียหายที่ประชาชนได้รับจากอุทกภัยในครั้งนี้ หลังจากการที่ผมได้เข้าพื้นที่สำรวจความเสียหายร่วมกับอาสาสมัครมูลนิธิกระจกเงาวันนี้ ผมได้เห็นภาพความเสียหายที่อย่างไรเสีย เงิน 9,000 บาทไม่พอที่จะชดเชยเยียวยาได้แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงส่วนที่ได้รับความเสียหายเฉพาะด้านที่ต้องมีการพิสูจน์ ความเสียหายของประชาชนทั่วไปที่ขาดโอกาสในการหารายได้ หรือความเสียหายต่อทรัพย์สินและบ้านเรือน เงิน 9,000 บาทถือว่ายังน้อยเกินไปจริงๆ
ภาพและข้อมูลจาก ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ - Natthaphong Ruengpanyawut







