กกต.จ่อชงนโยบายคุมหาเสียง! พ้อปมซื้อเสียงทำไมโทษแต่ กกต.

กกต.จ่อชงนโยบายคุมหาเสียง! พ้อปมซื้อเสียงทำไมโทษแต่ กกต.

กกต.ออกประกาศใหม่ คุมนโยบายหาเสียงพรรคการเมือง คำนึงความเห็นลูกพรรค ย้ำปัญหาซื้อขายเสียง อย่าโทษแต่ กกต. ต้องโทษคนขายด้วย ลั่นรู้หมด ตรวจเอาผิด 100% ไม่ยื้อเวลา

KEY

POINTS

  • กกต. เตรียมเสนอร่างประกาศฉบับใหม่เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง
  • รองเลขาธิการ กกต. ตัดพ้อถึงปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง โดยตั้งคำถามว่าเหตุใดสังคมจึงตำหนิแต่ กกต. เพียงฝ่ายเดียว
  • กกต. ยืนยันว่ารับทราบและดำเนินการกับผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
  • เรียกร้องให้พรรคการเมืองแข่งขันด้วยนโยบาย ไม่หาช่องทางเลี่ยงกฎหมาย และจะจัดประชุมพรรคการเมืองในวันที่ 17 ธ.ค. เพื่อสร้างความเข้าใจ

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเกรียงไกร พานดอกไม้ รองเลขาธิการ กกต. กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมชี้แจงการเลือกตั้งท้องถิ่นและระดับชาติ ว่า เหตุใดทุกวันนี้ยังมีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่กกต.มีการออกระเบียบหลักเกณฑ์ชัดเจนว่าสิ่งใดทำได้ สิ่งใดทำไม่ได้ แต่ก็ยังมีผู้พยายามฝ่าฝืน หลบเลี่ยง และที่ผ่านมาก็มักมีคำพูดว่า “คนอื่นรู้หมดว่ามีการทำผิด มีการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง แต่กกต.ไม่รู้” ก็ต้องบอกว่า กกต.รู้และดำเนินการโดยเคร่งครัด มีผลการปฏิบัติชัดเจน แต่บางเรื่องจะให้ทันใจไม่ได้ เพราะมีกระบวนการหลายขั้นตอน อีกทั้งที่ผ่านมาสังคมมีข้อสงสัยว่า กกต. มีข้อมูลเรื่องการซื้อเสียงหรือไม่ สื่อมวลชนที่ประจำ กกต. ย่อมรู้ว่า กกต. รู้ว่ามีการซื้อเสียง แต่การดำเนินการต้องเป็นไปตามกฎหมาย

"ถ้าไม่มีคนซื้อ จะมีคนขายหรือไม่ ทำไมโทษแต่ กกต. ทำไมไม่โทษตัวเองบ้าง กกต. ตามจับแต่ก็ไม่เป็นข่าว กกต.ทำงานตามกฎหมาย 100 % ไม่มีใครเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงว่าต้องละเว้นการปฏิบัติ หรือประวิงเวลาอะไรทั้งนั้น ซึ่งกกต.ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และดำเนินการเป็นมาตรฐานเดียว" นายเกรียงไกร กล่าว 

รองเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ทั้งนี้การเข้าสู่สนามเลือกตั้งต้องรู้ว่าอะไรทำได้ หรืออะไรทำไม่ได้ อย่าพยายามซื้อเสียงทางอ้อม หรือว่าพยายามหาช่องทางหลบเลี่ยงกฎหมาย ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่ไม่แฟร์ไม่สุจริตเที่ยงธรรม ส่วนพรรคการเมืองสามารถสนับสนุนการเลือกตั้งท้องถิ่น  และระดับประเทศได้ แต่พรรคการเมืองต้องทำภายใต้กรอบกติกา กฎหมายที่กำหนด ไม่กระทำการเอื้อให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือตัวเอง กระทำผิดกฎหมายเสียเอง ที่ผ่านมา สื่อมวลชนรู้ว่าในการแข่งขันทุกรอบ การเลือกตั้งสส. บางพรรคการเมืองเราไม่ได้ยินข่าวการซื้อเสียง ซึ่งเป็นไปได้และเกิดขึ้นแล้ว แต่บางพรรคการเมืองก็ได้ยินมตลอด จะมีหลักฐานบ้าง ไม่มีหลักฐานก็มี มันถึงเวลาที่พรรคการเมืองที่เป็นบ้านหลังใหญ่ ที่เป็นความหวังของคนไทย จะเดินตามกฎกติกา ซึ่งวันที่ 17 ธ.ค.นี้ กกต.จะจัดประชุมพรรคการเมืองทุกพรรคเพื่อสร้างความเข้าใจ ส่งเสริมสนับสนุนพรรคการเมืองให้เข็มไปแข็ง 

นายเกรียงไกร กล่าวว่า มาตรา 22 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรานี้ พยายามให้กรรมการบริหารพรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งพรรคการเมืองต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ควบคุมกำกับดูแล ไม่ให้สมาชิก หรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองกระทารที่อาจทำให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม และหัวหน้าพรรค พรรคการเมืองไปกระทำเสียเอง หรือหลับตาข้างเดียว มันก็จะส่งผล และมีโทษ

“ถ้าจะให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม กรรมการบริหารพรรคเมืองมีความสำคัญอย่างยิ่ง ผมหวังว่าวันหนึ่งจะชูนโยบายหาเสียง อย่าพยายามหลบเลี่ยง หรือตั้งใจฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งอยากให้มีพรรคการเมืองแบบนี้มากขึ้น จนวันหนึ่งเราจะไม่พูดถึงการซื้อเสียงอีกเลย จะไม่พูดถึงการกระทำผิดเลือกตั้งเพื่อให้ได้เปรียบในการเลือกตั้งอีกเลย ชูผลงาน ชูนโยบาย การหาเสียงที่ไม่ใส่ร้าย ไม่โจมตีกัน จะเป็นการเลือกตั้งในอุดมคติเลย ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ แต่ถ้าทุกพรรคร่วมมือกันก็ไม่ยาก เมื่อก่อน มีพรรคการเมืองมาปฏิณญาว่าในการเลือกตั้งจะไม่ซื้อสิทธิ์ ขายเสียง หัวหน้าพรรคพากันพร้อมเพรียงกันเลย แต่นี่เราอยากให้เป็นสิ่งที่เขาทำจริงๆ ไม่ใช่ลงนามอย่างเดียว ซึ่งเราพยายามรณรงค์ทุกวิถีทาง แต่ก็ยังได้ยินข่าวต่อเนื่องว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง ดังนั้นฝากพรรคการเมืองว่าอยากให้การเลือกตั้งสุจริต ยุติธรรม ต้องเริ่มจากท่าน” นายเกรียงไกร กล่าว

นายเกรียงไกร กล่าวด้วยว่า สำหรับนโยบายการหาเสียงของพรรคการเมือง ต้องอยู่ภายใต้มาตรา 51 ว่าจะออกนโยบายอะไรต้องคำนึงถึงความเห็นของสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำตำแหน่ง ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ พรรคออกนโยบายโดยไม่คำนึงถึงลูกๆ หรือแขน ขาที่ทำงานในระดับภูมิภาค มีการทำงานใกล้ชิดประชาชน หากออกนโยบายโดยไม่คำนึงถึงตรงนี้ก็อาจจะไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน มาตรา 57 จึงกำหนดให้ต้องรับฟังตรงนี้ แต่นโยบายใดที่ต้องใช้จ่ายเงิน กฎหมายระบุชัดว่า ต้องระบุวงเงินที่ต้องใช้ และที่มาของเงินที่จะใช้ดำดำเนินการ ความคุ้มค่า ประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย ผลกระทบ ความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบาย พรรคต้องทำรายการเหล่านี้ให้ กกต. หากยังไม่ครบถ้วน กกต.จะส่งคืนให้ไปแก้ไข

“ขณะนี้ สำนักงานกกต.ได้ยกร่างประกาศกกต. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบนโยบายที่แต่ละพรรคการเมืองใช้หาเสียง ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในวันนี้ได้ ต้องรอ กกต.มีมติก่อนว่าจะเห็นเป็นอย่างไร ว่านโยบายต่าง ๆ ที่พรรคการเมืองจะใช้หาเสียง พรรคต้องส่งให้ กกต.ดู แล้ว กกต.จะมีวิธีตรวจสอบ พิจารณาอย่างไร ร่างนี้คาดว่าจะเข้าที่ประชุม กกต.เร็วๆ นี้” นายเกรียงไกร กล่าว