โฆษก ปชป.ชงแผนหลังน้ำลด ขจัด 3 ความกลัว ประคองปากท้องชาวบ้าน

โฆษก ปชป.ชงแผนสู้ภัยหลังน้ำลด ขจัด 3 ความกลัว เร่งสร้างแบบฟอร์มเดียว เสริมกำลังนอกพื้นที่-สกัดอาชญากรรม ออกมาตรการประคองกิจการ-ลูกจ้าง
KEY
POINTS
- โฆษกพรรคประชาธิปัตย์เสนอแผนฟื้นฟูหาดใหญ่หลังน้ำลด โดยมุ่งขจัด "3 ความกลัว" ของประชาชน คือ กลัวไม่ได้รับความช่วยเหลือ, กลัวบ้านถูกงัด และกลัวตกงาน
- เสนอให้ใช้ "แบบฟอร์มเดียวทั้งเมือง" เพื่อรวบรวมข้อมูลผู้ประสบภัยให้เป็นระบบ ลดความซ้ำซ้อน และเสริมกำลังตำรวจ-ทหารจากนอกพื้นที่เพื่อลาดตระเวนป้องกันอาชญากรรม
- ผลักดันมาตรการประคองธุรกิจและลูกจ้าง โดยเปิดช่องทางช่วยเหลือด่วนสำหรับผู้ประกอบการ จัดหางานชั่วคราว และจับคู่แรงงานกับนายจ้างเพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2568 นายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยถึงข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลควรดำเนินการทันทีเพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่หาดใหญ่หลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ว่า ปัญหาใหญ่ที่ต้องขจัดคือ “สามความกลัว” ของประชาชน ได้แก่ กลัวไม่ได้รับการช่วยเหลือ กลัวบ้านถูกงัด และกลัวตกงาน ซึ่งจำเป็นต้องใช้กลไกที่เป็นระบบในการตอบสนอง
นายพงศกร ระบุว่า รัฐบาลต้องเปลี่ยนจากการทำงานแบบแยกส่วน มาสู่การสร้างโครงสร้างที่ช่วยให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพและสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนได้จริง 3 มาตรการ คือ
1.จัดระบบข้อมูล ขจัดความสับสน ลดงานซ้ำ โดยเน้นถึงความจำเป็นของการแก้ไขปัญหาความสับสนจากข้อมูลการช่วยเหลือ ขอเสนอให้รัฐต้องมี “แบบฟอร์มเดียวทั้งเมือง” สำหรับผู้ประสบภัยและผู้เข้าศูนย์พักพิง เพื่อให้ทุกหน่วยงานใช้ข้อมูลเดียวกันให้เชื่อมโยงกัน ลดความสับสน ลดงานซ้ำ และป้องกันการแอบอ้าง หยุดทันทีปัญหาซ้ำซ้อน และประชาชนที่ถูกหลงลืม เพื่อให้เมืองหาดใหญ่และ สงขลา จะรู้ใครเดือดร้อน อยู่ที่ไหน ได้รับความช่วยเหลือแล้วหรือยังแบบชัดเจน
โดยจัดทำ แบบฟอร์มเดียว สำหรับผู้ประสบภัยและผู้พักพิง ใช้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แต่ข้อมูลต้องเชื่อมโยงกัน ใส่ข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อ เลขบัตร บ้านที่ประสบภัย จำนวนสมาชิก ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ทุกข้อมูลทำเป็น ดิจิทัล ทันที เชื่อมข้อมูลเข้ากับ ทะเบียนราษฎร์ เพื่อตรวจสอบตัวตนจริง ป้องกันการซ้ำซ้อน ใช้ระบบนี้สำหรับกระจายอาหาร ถุงยังชีพ ยารักษา ผ้าห่ม ให้ตรงจุดและเป็นธรรม ทุกศูนย์พักพิงต้องส่งยอดผู้พักพิงเข้าระบบทุกเช้า–เย็น แบบเรียลไทม์
2. เสริมกำลังตำรวจ ฝ่ายความมั่นคงจากนอกพื้นที่ ป้องกันเหตุและดูแลบ้านในวงกว้าง ในช่วงหลังน้ำลดคือช่วงเวลาที่เสี่ยงที่สุดต่อการเกิดอาชญากรรม โดยเฉพาะการงัดแงะบ้านเรือนที่ถูกทิ้งร้าง และกำลังตำรวจในพื้นที่มีจำกัด รัฐบาลจึงต้องดึงกำลังเสริมจากหน่วยเหนือเข้ามาช่วยทันที โดยสิ่งที่ต้องทำแบบเร่งด่วนนี้จะช่วยให้อาชญากรรมลดลง ประชาชนมั่นใจว่าบ้านไม่ถูกงัดแม้ยังกลับไม่ได้ และสร้างความอุ่นใจในช่วงที่ความเสี่ยงสูงที่สุดหลังน้ำท่วม
โดยการขอสนับสนุนกำลัง ตำรวจ–ทหาร–อาสาฝ่ายความมั่นคง จากนอกพื้นที่ จัดกำลังลาดตระเวน “ครอบคลุมทั้งเมือง” ไม่ใช่เฉพาะชุมชนหลัก ตั้งชุดเคลื่อนที่เฉพาะกิจตามจุดเสี่ยงถนนตัดขาด บ้านปล่อยว่าง พื้นที่มืด ตรวจตราบ้านที่ลงทะเบียนฝากบ้านไว้ พร้อมส่งภาพให้เจ้าของวันละครั้ง ใช้โดรนและกล้องเคลื่อนที่ช่วยสอดส่องพื้นที่กว้างที่เข้าถึงยาก
3. มาตรการประคองกิจการ และปกป้องลูกจ้างในช่วงฟื้นตัว การฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมืองมาจากหลายกิจการกำลังอยู่ใน “จุดชี้เป็นชี้ตาย” ถ้าไม่มีแรงประคองทันที จะนำไปสู่การเลิกจ้างเป็นวงกว้าง ซึ่งมาตรการเร่งด่วนสนับสนุนกิจการ และนายจ้าง ที่จะทำให้ลูกจ้างไม่ถูกปล่อยลอยแพ นายจ้างไม่จำเป็นต้องรีบเลิกจ้าง และเศรษฐกิจเมืองฟื้นตัวเร็วขึ้นอย่างชัดเจน โดยเปิดช่องทางด่วนให้กิจการรายเล็ก รายกลาง เข้าถึงความช่วยเหลือทันที เช่น ซ่อมอุปกรณ์ จัดหาเครื่องมือลดค่าธรรมเนียมท้องถิ่นที่กระทบระยะสั้น เพื่อให้กิจการเปิดต่อได้
รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประเมินความเสียหายแบบรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน เปิด “ช่องทางงานชั่วคราว” สำหรับคนยังกลับไปทำงานไม่ได้ ให้เข้าถึงเงินช่วยเหลือเบื้องต้นสำหรับครัวเรือนรายได้ลดลง อบรมทักษะสั้นๆ ระหว่างช่วงกิจการหยุด เพื่อให้พร้อมกลับไปทำงานทันทีเมื่อเปิดกิจการได้ และจัดทีม “จับคู่แรงงาน–นายจ้าง” สำหรับกิจการที่ต้องการเปิดเร็วแต่ขาดแรงงาน
“หากเราสามารถขจัดความกลัวได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกคนและสามารถทำให้หาดใหญ่ และจังหวัดสงขลา กลับมาสู่สภาวะปกติได้รวดเร็ว ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนรวมถึงเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน” นายพงศกร ระบุ







