‘ชัชชาติ’ สั่งเข้ม 6 ข้อ ถอดบทเรียนหาดใหญ่ รับมือน้ำท่วม กทม.

ผู้ว่าฯ กทม. ขอบคุณน้ำใจชาวกรุงหลั่งไหลช่วยใต้ต่อเนื่อง สั่ง 6 ข้อเข้ม ขยับแผนรับมือภาวะวิกฤต กทม. ถอดบทเรียนอุทกภัยหาดใหญ่
KEY
POINTS
- ผู้ว่าฯ กทม. สั่งถอดบทเรียนจากสถานการณ์น้ำท่วมหนักที่ อ.หาดใหญ่ เพื่อนำมาทบทวนและปรับปรุงแผนรับมืออุทกภัยในกรุงเทพฯ
- สั่งการ 6 ข้อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือเชิงรุก เช่น การทำแบบจำลองสถานการณ์, ทบทวนระบบเตือนภัย และตรวจสอบอุปกรณ์กู้ภัย
- เน้นการจัดลำดับผู้บัญชาการเหตุการณ์ให้ชัดเจน การวางแผนป้องกันระยะยาว และการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน
เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2568 ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมจุดรับบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรายงานข้อมูล
นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม. ร่วมมือกับสภากาชาดไทยในการเปิดจุดรับบริจาคและส่งของไปให้ผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้(น้ำท่วมหาดใหญ่) ทั้งที่ศาลาวาการ กทม. เสาชิงช้า และดินแดง และสำนักงานเขต 50 เขต โดยเช้านี้ส่งไปแล้ว 2 คันรถ ล่าสุด ณ เวลา 13.45 น. รวมสิ่งของบริจาคทั้งหมดหมด 80,000 ชิ้น
สำหรับสถานการณ์หลังน้ำท่วม สิ่งของที่ต้องการมากคืออุปกรณ์ทำความสะอาด ซึ่งวันนี้ยังมีรถขนของบริจาคอีก 4 คันที่รอสแตนด์บายพร้อมออกไปส่งของบริจาคยังสภากาชาดไทย ขอบคุณน้ำใจของชาวกรุงเทพฯ และชาวไทยทุกคน
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า เช้าวันนี้ กทม. ก็มีการประชุมเพื่อทบทวนแผนรับมือภาวะวิกฤต โดยศึกษาข้อมูลของพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ที่มีปริมาณฝนตกมากว่า 600 มม. ในช่วง 3 วัน สำหรับ กทม. อดีตที่ผ่านมาเคยมีฝนตกมากที่สุดเกือบ 300 มม. ในช่วงเวลา 3 วัน แต่ไม่เท่าหาดใหญ่ เราจึงทบทวนแผนการรับมือของ กทม. เอง โดยได้สั่งการ 6 ข้อ คือ
1. ทำแบบจำลองสถานการณ์และทบทวนแบบจำลองที่มี เพราะหัวใจคือการนำข้อมูลกับการพยากรณ์อากาศใส่ในแบบจําลอง ปัจจุบันเรามีการพยากรณ์ฝนที่ละเอียดขึ้นและพัฒนาร่วมกับแผนที่ภูมิศาสตร์เพื่อจะได้กำหนดจุดที่อาจมีน้ำท่วมรุนแรงได้ ทั้งนี้ การมีแบบจําลองที่ถูกต้องก็จะทำให้เราเตือนภัยได้ดีขึ้น
2. ทบทวนระบบเตือนภัยแจ้งเหตุ เนื่องจาก กทม. คงไม่มีการอพยพเหมือนต่างจังหวัด เพราะว่าเราหาพื้นที่ให้ประชาชนอยู่ได้ลำบาก การอพยพจึงทำเฉพาะพื้นที่ที่จําเป็น เช่น อาคารเตี้ย แต่ผู้อาศัยในคอนโดสูง ต้องให้อยู่ในพื้นที่ แจ้งเตือนให้เตรียมเสบียง และทบทวนการเตือนภัยให้สอดคล้องกับแบบจำลองยิ่งขึ้น
3. ให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตรวจเช็กและจัดระเบียบรายการอุปกรณ์ทั้งหมดที่มีสำหรับใช้กู้ภัย รวมถึงประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเมื่อเกิดเหตุสามารถนำไปใช้ได้อย่างเป็นระบบ
4. จัดลำดับผู้บัญชาการเหตุการณ์และการสั่งการตามระดับความรุนแรงของเหตุการณ์ โดยเรื่องนี้จะอยู่ภายใต้การดูแลของรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทวิดา กมลเวชช ซึ่งได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว
5. เตรียมแผนระยะยาวในการป้องกันน้ำ ซึ่ง กทม. มีต่อเนื่องอยู่หลายโครงการ เช่น อุโมงค์ระบายน้ำ แต่ให้ทบทวนว่าต้องเพิ่มเติมอะไรหรือไม่
6. บูรณาการภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน เพื่อให้มั่นใจว่าสุดท้ายแล้วหากเกิดเหตุขึ้น จะสามารถดำเนินการได้ครบทุกมิติ
“เหตุการณ์ที่หาดใหญ่ถือว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ ปริมาณฝนที่ตกมากขนาดนี้ หากเกิดขึ้นที่ กทม. คาดว่าจะมีผู้ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก จึงถือโอกาสทบทวนแผนของ กทม. เพื่อเตรียมพร้อมและปรับปรุงแผนสำหรับอนาคต และขอส่งกำลังใจให้พี่น้องชาวหาดใหญ่ รวมถึงเจ้าหน้าที่และผู้ประสบภัยในหลายจังหวัดทางภาคใต้ หวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและเข้าสู่การฟื้นฟูต่อไป กทม. พร้อมสนับสนุนความช่วยเหลือ” นายชัชชาติ กล่าว







