อ่านที่นี่ กกต.แพร่ข้อห้าม-แนวทาง ‘นักการเมือง’ ช่วยผู้ประสบภัย

กกต.แจงข้อห้าม-แนวทางการหาเสียงเลือกตั้ง-การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงใกล้เลือกตั้งท้องถิ่น อบต.-เทศบาล-อบจ.ต้องปฏิบัติเคร่งครัด ‘สส.-พรรค’ ให้ตามที่ กม.กำหนด
KEY
POINTS
- กกต. กำหนดแนวทางและข้อห้ามสำหรับนักการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้งในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นการกระทำที่เข้าข่ายการซื้อเสียงตามกฎหมายเลือกตั้ง
- องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ตามอำนาจหน้าที่ แต่ต้องทำในนามหน่วยงานเท่านั้น ห้ามผู้สมัครเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง เช่น ร่วมแจกสิ่งของ
- พรรคการเมืองและนักการเมืองสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ แต่มีเพดานมูลค่ากำหนด โดยพรรคการเมืองให้ได้ไม่เกิน 3 ล้านบาท และนักการเมืองรายบุคคลให้ได้ไม่เกิน 3 แสนบาทต่อครั้ง
เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2568 ช่วงค่ำ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่แนวทางการหาเสียงเลือกตั้งและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงใกล้เลือกตั้ง โดยระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์"แนวทางการหาเสียงเลือกตั้งและการช่วยเหลือผู้ประสบภัย" ตามกฎหมายสำหรับผู้ที่จะสมัครรับเลือกตั้ง อบต. ผู้ดำรงตำแหน่ง ส.อบต. นายก อบต. ปลัด อบต. รวมถึง พรรคการเมืองและบุคคลทั่วไปที่อาจเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งภัยกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่พบได้ในช่วงใกล้เลือกตั้งและอาจถูกเข้าใจผิดว่าเข้าข่ายการให้ของเพื่อจูงใจในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
ปัจจุบัน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลครบวาระในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 แล้ว และอยู่ในช่วงเตรียมการเลือกตั้งซึ่งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม 2569 ทำให้การให้ความช่วยเหลือใด ๆ ของผู้สมัครหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
แนวทางเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของผู้สมัครตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 64 ผู้สมัครสมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ที่ครบวาระ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 สามารถเริ่มหาเสียงเลือกตั้งได้ตั้งแต่ 180 วันก่อนวันครบวาระ (ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ถึง 18.00 น. ของวันที่ 10 มกราคม 2569)
ทั้งนี้ การคำนวณค่าใช้จ่ายของผู้สมัครจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 61 บัญญัติว่า ในการคำนวณค่าใช้จ่ายของผู้สมัครสำหรับการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ให้คำนวณตามค่าใช้จ่ายที่ใช้จ่ายจริงในการเลือกตั้งสำหรับในกรณีที่เป็นการเลือกตั้งอันเนืองมาจากการครบวาระ ให้คำนวณค่าใช้จ่ายที่ใช้จ่ายไปตั้งแต่ 180 วันก่อนวันที่ครบวาระจนถึงวันเลือกตั้ง
อย่างไรก็ดี ในช่วงระหว่างวันดังกล่าว ผู้สมัครและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 65 บัญญัติให้ผู้สมัครและผู้เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ต้องไม่กระทำการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนเสียงให้ตนเองหรือผู้อื่น ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
1. ห้ามจัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เช่น เงิน ของขวัญ หรือ สิ่งของต่าง ๆ
2. ห้ามให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัดหรือศาสนสถานอื่น สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด
3. ห้ามทำการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ เช่น คอนเสิร์ต หรือการแสดงรื่นเริงต่าง ๆ
4. ห้ามเลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด
5. ห้ามหลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครใด
ส่วนแนวทางสำหรับผู้ดำรงตำแหน่ง อบต. และข้อจำกัดช่วง 90 วันสุดท้าย ก่อนครบวาระ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 - 26 พฤศจิกายน 2568 เป็นช่วง 90 วันสุดท้ายก่อนครบวาระ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ ในการอนุมัติโครงการหรือกิจกรรมใหม่ จะต้องพึงระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 65 วรรคสอง ในกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น (นายก อบต.) หรือ ปลัดองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (ปลัด อบต.) อนุมัติโครงการหรือกิจกรรมใหม่ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย
1. การมอบทรัพย์สินหรือสิ่งของใด ๆ
2. การให้ประโยชน์แก่ชุมชนหรือหน่วยงาน
3. การจัดกิจกรรมรื่นเริง
4. การจัดเลี้ยง
5. การดำเนินการใดที่อาจจูงใจให้เกิดความนิยมต่อผู้สมัคร
ยกเว้นเพียง 3 กรณีเท่านั้นที่สามารถทำได้ คือ
1. โครงการที่มีลักษณะเป็นการบรรเทาทุกข์จากภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติสาธารณะ
2. โครงการต่อเนื่องที่ดำเนินการเป็นประจำอยู่แล้ว
3. โครงการที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ หากเป็นการช่วยเหลือโดยตรงตามหน้าที่และอำนาจ และไม่เชื่อมโยงกับผู้สมัครหรือการหาเสียงเลือกตั้ง
ขณะที่การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่อื่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่สามารถดำเนินการบรรเทาทุกข์ตามหน้าที่และอำนาจ แต่หากผู้มีความประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้งในอนาคตเข้าไปเกี่ยวข้อง เช่น ร่วมแจกสิ่งของ หรือปรากฏตัวในการมอบสิ่งของ อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เช่นเดียวกับองค์การบริหารส่วนตำบล จึงสามารถช่วยเหลือได้เฉพาะในนามหน่วยงานท้องถิ่น ไม่ใช่ในนามผู้สมัครหรือพรรคการเมือง และต้องไม่มีเจตนาหรือผลเป็นการหาเสียงแฝง
กรณีพรรคการเมือง สมาชิกพรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองการให้สิ่งของหรือเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยของพรรคการเมืองและสมาชิกพรรคการเมืองสามารถดำเนินการได้ แต่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยจำนวน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของการให้ตามประเพณีหรือเมื่อมีเหตุอันสมควรและการยื่นคัดค้านเกี่ยวกับการบันทึกค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 ดังต่อไปนี้
กรณีการให้ในแต่ละโอกาสตามปกติประเพณี พรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง สมาชิกพรรคการเมืองซึ่งเป็น สส.หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ได้มูลค่าไม่เกิน 3 พันบาท
กรณีการให้ในแต่ละโอกาส เมื่อมีเหตุอันสมควรแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ พรรคการเมือง ให้ได้ไม่เกิน 3 ล้านบาท
กรณีการให้ในแต่ละโอกาส เมื่อมีเหตุอันสมควรแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกพรรคการเมืองซึ่งเป็น สส.หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ได้ไม่เกิน 3 แสนบาท
กรณีการให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้เกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ ให้นำราคาหรือมูลค่าของเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ดังกล่าว เฉพาะส่วนที่เกินกว่าจำนวนที่กำหนด ไปรวมคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป ทั้งนี้ หากไม่ดำเนินการดังกล่าวจะต้องระวางโทษ ตามมาตรา 154 และมาตรา 155 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม







