บทเรียน‘น้ำท่วม’คะแนนร่วง ภท.‘ภัยธรรมชาติvsภัยเลือกตั้ง’

บทเรียน‘น้ำท่วม’คะแนนร่วง  ภท.‘ภัยธรรมชาติvsภัยเลือกตั้ง’

เหตุการณ์มหาอุทกภัยในเวลานี้ อาจเป็นจุดตัดที่สำคัญที่ทำให้ “คะแนนนิยม” ที่พรรคภูมิใจไทย พยายามประโคมโหมโรงไว้กว่า 2 เดือนกว่า อาจเป็นอันต้อง “หล่นหาย” ไปกับกระแสน้ำ

KEY

POINTS

  • การบริหารจัดการสถานการณ์น้ำท่วมของรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถูกตั้งคำถามอย่างหนัก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมทางการเมืองของพรรค
  • วิกฤตอุทกภัยถูกมองว่าเป็นบทพิสูจน์ฝีมือของรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยซึ่งรัฐมนตรีของพรรคกำกับดูแลหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง
  • เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทยที่กำลังเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งต้องลดลง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก
  • บทความชี้ว่าหากการจัดการ "ภัยธรรมชาติ" ล้มเหลว ก็อาจจะกลายเป็น "ภัยในสนามเลือกตั้ง" สำหรับพรรคภูมิใจไทยในท้ายที่สุด

ขึ้นชื่อว่า “อุทกภัย” แน่นอนว่าทุกคนรู้ดีว่าเกิดจากภัยธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งที่เหนือการควบคุม

ทว่าที่ต้องไม่ลืมเช่นเดียวกัน คือการบริหารจัดการที่บูรณาการร่วมกันเพื่อเร่งแก้ไขสถานการณ์อย่างรวดเร็วและทันท่วงที 

ข่าวคราวบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา โพสต์ภาพภายในห้อง ICU จากระดับน้ำท่วมสูงจนทะลักเข้าห้องเครื่องปั่นไฟสำรอง ทำให้ระบบไฟฟ้าใน ICU ดับสนิทเป็นเวลาถึง 5 ชั่วโมง และมีผู้ป่วยล้วนใช้เครื่องช่วยหายใจ

หรือข่าวคราวที่ว่า มีผู้ป่วยวิกฤติเสียชีวิตจำนวนมาก แม้จะมีคำชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิเสธกระแสข่าวที่ออกไปอาจมีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และยังไม่สามารถระบุตัวเลขที่แน่ชัดได้ 

ทว่าเหตุการณ์เหล่านี้ถูกตั้งคำถาม “คำโตๆ” กลับไปยังรัฐบาล ถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือว่า  มีการบูรณาการเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงทีมากน้อยเพียงใด 

บทเรียน‘น้ำท่วม’คะแนนร่วง  ภท.‘ภัยธรรมชาติvsภัยเลือกตั้ง’

การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พร้อมตั้งศูนย์ที่จ.สงขลา มอบผบ.ทสส. รับผิดชอบ เมื่อวันที่25พ.ย.ที่ผ่านมา 

ถูกตั้งคำถามในเชิงดุลอำนาจ ทั้งที่มีร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และรมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้อำนวยการบริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนภ.)อยู่แล้ว

ก่อนที่วันถัดมา26พ.ย. “นายกฯอนุทิน” จะเซ็นประกาศรวบอำนาจรัฐมนตรีเป็นอำนาจ “นายกฯ” ชั่วคราว ผ่านกฎหมาย38ฉบับ ตาม “พรก.ฉุกเฉิน”

อันที่จริงบทเรียนน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทยไม่ได้เพิ่งเกิดเป็นครั้งแรกหากนับตั้งแต่ต้นปีก่อนเปลี่ยนผ่านจาก “รัฐบาลพรรคเพื่อไทย” มาสู่ “รัฐบาลภูมิใจไทย” ได้เกิดเหตุการณ์อุทกภัยในลักษณะเดียวกันแทบทุกภูมิภาคของประเทศไทย บางพื้นที่ยังอยู่ในกระบวนการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาอยู่ในเวลานี้เสียด้วยซ้ำ

หรือหากย้อนกลับไปน้ำในช่วงปี2554 ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ก็เคยเกิดมหาอุทกภัยน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มภาคกลาง ก่อนไหลเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวงคือกทม.ซึ่งเวลานั้นมีการผุดสารพัดวาทกรรม เช่น “เอาอยู่”

แถมถูกตั้งคำถามถึงการบริหารจัดการน้ำและการบูรณาการร่วมกันในการแก้ปัญหาประชาชนอย่างทันท่วงทีเช่นเดียวกัน

บทเรียน‘น้ำท่วม’คะแนนร่วง  ภท.‘ภัยธรรมชาติvsภัยเลือกตั้ง’

จริงอยู่กับทฤษฎีที่ว่า “ภัยธรรมชาติ” เป็นเรื่องที่เหนือการควบคุม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าล้วนเป็นบทเรียนในการต่อยอดไปถึงการบริหารจัดการ รวมถึงการเสนอนโยบายจัดการที่เป็นระบบ 

โดยเฉพาะท่ามกลางสัญญาณการเมืองที่แต่ละพรรคการเมืองกำลังประโคมโหมโรงสารพัดนโยบายที่จะนำมาต่อสู้ฟาดฟันกันในสนามเลือกตั้ง  

หากจะนับความพร้อมเวลานี้ “พรรคภูมิใจไทย” ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลและถืออำนาจบริหารส่งสัญญาณเตรียมพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งมากที่สุด เห็นชัดจากการเปิดตัวสารพัด “บ้านใหญ่-บ้านใหม่” การอัดสารพัดประชานิยม หรือการจัดวางองคาพยพ ทั้งกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ซึ่งสว.เพิ่งให้ความเห็นชอบ 

ไม่เว้นแม้แต่บัญชีโยกย้ายกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง  ทั้งหมดทั้งมวลเห็นชัดว่า เป็นการจัดวางไต่ฝันไปถึงการเป็นรัฐบาล และส่ง “นายกฯหนู” นั่งเก้าอี้ “เบอร์หนึ่ง” ตึกไทยคู่ฟ้าอีกหนึ่งสมัย 

ทว่าในขณะที่ “ค่ายสีน้ำเงิน” กำลังสาละวนอยู่กับการเปิดดีลจัดพิมพ์ “ตั๋วผู้แทน” เข้าสภาฯ กลับกลายเป็นว่า เหตุการณ์มหาอุทกภัยในเวลานี้ อาจเป็นจุดตัดที่สำคัญที่ทำให้ “คะแนนนิยม” ที่พรรคภูมิใจไทย พยายามประโคมโหมโรงไว้กว่า 2 เดือนกว่า อาจเป็นอันต้อง “หล่นหาย” ไปกับกระแสน้ำหรือไม่

บทเรียน‘น้ำท่วม’คะแนนร่วง  ภท.‘ภัยธรรมชาติvsภัยเลือกตั้ง’

โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ที่ภูมิใจไทยกำลังโชว์ภาพการเป็น “ภูมิใจดูด” ไหนจะก่อนหน้านี้ที่ “คีย์แมนน้ำเงิน” อย่าง “พิพัฒน์ รัชกิจประการ”  แม่ทัพภาคใต้ค่ายภูมิใจไทย เคยพูดถึงเป้าหมาย 30สส.จากทั้งหมด 54 ที่นั่ง 

หากนับเฉพาะจ.สงขลา ซึ่งภูมิใจไทยมีสส.เดิม บวกสส.ใหม่ที่กำลังจะย้ายพรรค 4คน คือเขต1 สรรเพชญ บุญญามณี  เขต2 ศาตรา ศรีปาน เขต3 สมยศ พลายด้วง และเขต7 ณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ(สส.ภูมิใจไทยเดิม)

เช่นนี้ต้องจับตา แม้เหตุการณ์น้ำท่วมจะเป็นภัยธรรมชาติที่อยู่เหนือการควบคุม หรือ “นักการเมือง” บางคนอาจจะบอกว่า ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษกันไปมาแต่ควรร่วมมือกันแก้ปัญหา

แต่อย่าลืมหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องน้ำและการบริหารจัดการภัยพิบัติ หลายหน่วยงานล้วนอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของรัฐมนตรี ที่สังกัดพรรคภูมิใจไทย 

ไล่มาตั้งแต่ตัว “นายกฯอนุทิน” ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย และกำกับดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ซึ่งมีหน้าที่โดยตรง กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น รองนายกรัฐมนตรี “โสภณ ซารัมย์”  ที่กำกับดูแล สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) หรือ “รมต.แบด”  ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสทนช.

 ต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็น “ด่านพิสูจน์ฝีมือ” ของรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ในฐานะพรรคแกนนำว่าจะ “โชว์พาว” พลิกฟื้นเรตติ้งกลับมาได้หรือไม่อย่างไร 

เพราะไม่เช่นนั้น จาก “ภัยธรรมชาติ” ที่เหนือการควบคุมจะกลายเป็น “ภัย”ในสนามเลือกตั้ง ที่ควบคุมได้ยากเช่นกัน!!!