‘ณัฐพงษ์’ ถึงหาดใหญ่ ลุยพื้นที่น้ำท่วม จี้รัฐดูแลกลุ่มเปราะบาง

‘ณัฐพงษ์’ ถึงหาดใหญ่ เผยชาวสิงคโปร์ ติดอยู่สนามบินหาดใหญ่นับ 100 คน แนะ ผบ.เหตุการณ์ฯ ควรลงพื้นที่น้ำท่วมเอง จี้ดูแลกลุ่มเปราะบางด่วน
KEY
POINTS
- นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและรับฟังปัญหาของประชาชน
- พบว่ามีประชาชนและชาวต่างชาติจำนวนมากติดค้างอยู่ที่สนามบิน เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูงจนไม่สามารถเดินทางได้
- เรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลกลุ่มเปราะบางเป็นอันดับแรก เช่น ผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่ต้องพึ่งพาเครื่องมือทางการแพทย์
- เสนอให้มีผู้บัญชาการเหตุการณ์ในพื้นที่เพื่อบูรณาการความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนให้มีประสิทธิภาพ และจัดการข้อมูลกลุ่มเปราะบางเพื่อการช่วยเหลือที่ตรงจุด
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2568 ช่วงบ่าย ที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม
โดยนายณัฐพงษ์ ให้สัมภาษณ์ ว่า เบื้องต้นอยากมาลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชน และหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งส่วนราชการและภาคประชาชน อย่างน้อยสิ่งที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องการสั่งจากส่วนกลางมากที่สุดคืออะไร ตั้งแต่ลงเครื่องมาได้พบปะพูดคุยกับหลายคน พบว่ามีคนติดค้างในสนามบินอยู่จำนวนมาก ตนได้พบกับเจ้าหน้าที่สถานทูตสิงคโปร์ เขา ก็บอกว่ามีชาวสิงคโปร์ติดอยู่ประมาณ 100 คน ทางสถานทูตจึง ส่งเจ้าหน้าที่มาเพื่อประสานงาน ซึ่งตนพบว่า ยังมีชาวต่างประเทศจำนวนมาก ตนคิดว่ามหาอุทกภัยครั้งนี้ กระทบกับชาวต่างประเทศด้วย ถือว่าเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องอาศัยรัฐบาล ส่วนกลางมาแก้ไขปัญหา
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ส่วนประชาชนชาวไทยตนได้พูดคุยก็พบว่ายังติดค้างที่สนามบิน ตนตั้งใจจะเดินทางไปที่มณฑลทหารบก (มทบ.) ที่ 42 ซึ่งเป็นศูนย์พักพิง มีเฉพาะรถขนอาหารที่ยกสูงเท่านั้นที่สามารถเดินทางเข้าออกได้จากสนามบิน แต่พอมาวันนี้พบว่าวิ่งไม่ได้เลย ระดับน้ำยังค่อนข้างรุนแรงอยู่ ถือเป็นปัญหาหน้างาน
ตอนนี้เข้าใจว่าตอนนี้รัฐบาลใช้ช่องอำนาจในการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้ ผบ.สูงสุด เข้ามาบริหารสถานการณ์ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร แม้ใช้ช่องทางกฎหมายได้ก็ตาม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ผบ.เหตุการณ์ ควรเป็นคนประจำในพื้นที่ แล้วสามารถบูรณาการทุกภาคส่วนได้จริง จากที่ตนได้สอบถามมูลนิธิต่างๆที่ไปประจำ ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง ในเรื่องการประสานข้อมูล ตนคิดว่าการลงพื้นที่น่าจะช่วยเติมเต็ม อะไรบางอย่างได้
นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือบรรดากลุ่มเปราะบาง หลายครอบครัวที่ตนได้พูดคุยในสนามบิน มีพ่อเฒ่า แม่แก่ ที่จำเป็นต้องใช้ระบบไฟฟ้า เครื่องพยุงชีพ บางคนมีปัญหาเรื่องโรคหัวใจ ตนคิดว่าเป็นกลุ่มที่สำคัญเร่งด่วนมากๆที่สุด ซึ่งกลไกอย่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็มีข้อมูลต่างๆเหล่านี้อยู่แล้ว เบื้องต้น ตนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดยังไม่ต้องพูดถึงตัวข้อมูลที่เป็นดิจิทัลก็ได้ แค่ระบบการบริหารจัดการว่าแบ่งโซนการทำงาน โซนนี้ใครไปดูแล โซนนั้นใครไปดูแล เริ่มด้วยการสำรวจก่อนว่ามีคนติดค้างหรือไม่พบกลุ่มเปราะบางหรือไม่ หากพบแล้วแนวปฏิบัติเป็นอย่างไร เพื่อให้หน่วยกู้ชีพเข้าไปจะได้รู้วิธีการปฏิบัติต่างๆเหล่านี้ เรื่องการเผชิญเหตุแผนเผชิญเหตุกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีหมดอยู่แล้วทุกจังหวัด เพียงแต่ว่าตอนปฏิบัติจริงจะปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน สิ่งสำคัญก็มีต้องมีผู้บัญชาการเหตุการณ์ที่บังคับบัญชาบูรณาการทุกภาคส่วนได้จริง







