สแกนทัพ ‘บ้านใหญ่สุพรรณ’ วัดใจ ‘วราวุธ’ ทิ้งมรดกพ่อ ซบ‘ค่ายน้ำเงิน’

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า “บ้านใหญ่สุพรรณบุรี” นำโดย “วราวุธ ศิลปอาชา” จะพา สส.สุพรรณบุรี ของพรรคชาติไทยพัฒนา ประกอบด้วย ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ประภัตร โพธสุธน สรชัด สุจิตต์ เสมอกัน เที่ยงธรรม และ นพดล มาตรศรี ย้ายไปสังกัด “พรรคภูมิใจไทย” ในการเลือกตั้งสมัยหน้า

หลังจากที่มีภาพข่าวปรากฏ ผ่านเฟซบุ๊ก “สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ” แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่ปรากฏภาพแกนนำ พรรคชาติไทยพัฒนา “วราวุธ-นิกร จำนง” ยืนคู่กับ “สมศักดิ์ -ภราดร-กรวีร์ ปริศนานันทกุล” บ้านใหญ่อ่างทอง ที่ปัจจุบันสังกัดพรรคภูมิใจไทย และ “สิริพงศ์”

แม้อาจเป็นเพียงภาพที่แสดงถึงการ “รียูเนี่ยน” เพราะทั้ง 6 คนนั้น เคยร่วมชายคาบ้านหลังเดียวกัน “ชาติไทย-ชาติไทยพัฒนา” ด้วยกันมาก่อน ทว่าในยามที่ “พรรคภูมิใจไทย” มีอิทธิฤทธิ์ และเนื้อหอม ปฏิเสธไม่ได้ว่า อาจถูกโยงการร่วมงานการเมือง ถึงขั้นที่ “บ้านใหญ่สุพรรณบุรี” จะย้ายสังกัด

จากการโพสต์ภาพ จนถึงขณะนี้ “วราวุธ” ยังไม่มีคำชี้แจง หรือ ยืนยันกับ “กระแสข่าว” ที่เกิดขึ้น มีเพียง “นิกร จำนง” ที่ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า “ได้คุยในเรื่องการเมือง” แต่ไม่ขอเปิดเผยเนื้อหา เพราะต้องรอคำทางการจาก หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา

สิ่งที่ถูกจับตาเรื่องนี้ ในวันที่ 23 พ.ย. นี้ พรรคภูมิใจไทย เตรียมจัดประชุมพรรค สมัยวิสามัญ เพื่อเตรียมพร้อมเลือกตั้ง ซึ่งเป็นที่คาดหมายว่า “สส.-นักการเมือง” จากพรรคอื่น ที่พร้อมจะร่วมหัวจมท้ายกับ​ “พรรคสีน้ำเงิน” จะพาเหรดมาปรากฏตัว นัยหนึ่งเพื่อแสดงพลังต่อการสนับสนุน “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ส่วนอีกนัย คือ การประกาศตัว “ย้ายพรรค”

กับสถานะของพรรคชาติไทยพัฒนา ปัจจุบัน มี สส. ทั้งสิ้น 10 คน มีสส.เขต9 คน จาก บ้านใหญ่ 3 จังหวัด คือ บ้านใหญ่สุพรรณ ที่ “พรรคสีชมพู” ครองทั้งจังหวัด ประกอบด้วย สรชัด สุจิตต์ เขต1 ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ เขต2 นพดล มาตรศรี เขต3 เสมอกัน เที่ยงธรรม เขต4 และ ประภัตร โพธสุธน เขต5 บ้านใหญ่ร้อยเอ็ด คือ อนุรักษ์ จุรีมาศ

ขณะที่ บ้านใหญ่นครปฐม ประกอบด้วย ศุภโชค ศรีสุขจร เขต 1 พาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ เขต 3 อนุชา สะสมทรัพย์ เขต 5 และ 1 บัญชีรายชื่อ คือ “วราวุธ ศิลปอาชา”

หากแบ่งเส้นสายแล้วจะพบ มีสส. 5 คนที่มีเลือดสีชมพูเข้มข้น เพราะอยู่กับพรรคมานาน ตั้งแต่สมัยเป็น “พรรคชาติไทย” คือ “ณัฐวุฒิ-ประภัตร-อนุรักษ์-นพดล-อนุรักษ์” ขณะที่อีก 2 คน คือ “สรชัด-เสมอกัน” คือ นักการเมืองรุ่นใหม่ ที่ศรัทธาและยอมรับนับถือในตัว “วราวุธ”

ดังนั้นหากวิเคราะห์ในเชิงของความเป็นไปได้ต่อการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงสังกัดทางการเมือง อาจมีบางส่วนที่สนับสนุน “วราวุธ” แต่อีกส่วนอาจขอแยกทาง- เลิกเล่นการเมือง เพราะอิ่มตัวในสถานะความเป็นนักการเมือง

ขณะที่บ้านใหญ่ “นครปฐม” ที่เพิ่งเข้าชายคา “บ้านสีชมพู” เมื่อการเลือกตั้งปี 2566 จึงเชื่อกันว่า “พรรคชาติไทยพัฒนา” อาจไม่ใช่ที่ปักหลักสุดท้าย

ล่าสุดมีภาพข่าว “ศุภโชค” เด็กในสังกัด สะสมทรัพย์ ฝั่ง “เสี่ยหนึ่ง-จิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายก อบจ. นครปฐม” ร่วมทริปต่างประเทศ กับ แก๊ง “สส.รุ่นใหม่” ตามที่ “พลพีร์​ สุวรรณฉวี” สส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับ 4 สส.ต่างพรรค ได้แก่ “ข้าวฟ่าง- สรัสนันท์ อรรณนพพร” สส. ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย “หวาย-ร่มธรรม ขำนุรักษ์” สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ 

“ฟิล์ม-ศุภโชค ศรีสุขจร" สส.นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา และ “โฟล์ก-อัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมแคปชั่นที่ติดแฮชแท็กว่า “ภูมิใจไทย” จึงถูกจับตาว่า “ฟิล์ม-ศุภโชค” อาจเตรียมตัวย้ายไปพรรคภูมิใจไทย เมื่อพระราชกฤษฎีกายุบสภา ประกาศ

ขณะที่ลูกพี่ใหญ่ ตระกูลสะสมทรัพย์นั้น ยังแบ่งรับแบ่งสู้ หากจับสังเกตการลงพื้นที่หาประชาชน ของ “อนุชา สะสมทรัพย์” จะเลือกชูคำว่า “บ้านใหญ่ใจดี” แทนชื่อพรรคชาติไทยพัฒนาลงพื้นที่

เช่นเดียวกับ “พาณุวัฒณ์” ที่มักชู บทบาทในตำแหน่ง “ประธานสโมสรฟุตบอลนครปฐมยูไนเต็ด” เป็นยี่ห้อติดตัวทุกครั้ง ทำให้สะท้อนได้ว่า ไม่ว่าเลือกตั้งหน้า จะมีสังกัดสีไหน ตัวตนยังคงเป็น “คนบ้านใหญ่นครปฐม”

อย่างไรก็ดีในมุมของการย้ายชายคาไป ซบ “พรรคสีน้ำเงิน” ที่ “ครูใหญ่-เนวิน ชิดชอบ” ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คอยดูแลนั้น “วงในของรั้วสีชมพู” เปรยให้ฟังว่า บ้านสะสมทรัพย์ อาจมีเสียงแตก 

เพราะด้านของ “สะสมทรัพย์” ในปีกที่ดูแลสโมสรฟุตบอล เคยมีประเด็นขัดแย้งกันจนกลายเป็นปมในใจ ที่ “นครปฐมยูไนเต็ด” ไม่ส่งคนไปแสดงความยินดีกับ “ปราสาทสายฟ้า” หรือ “อวยพรวันเกิดครูใหญ่” ซึ่งปมนี้ลามถึงเวทีการเมือง

กรณีที่ถูกแย้มมานั้น ถูกตั้งข้อสังเกต ว่าอาจเป็นเพราะกรณี เมื่อปี 2560 ที่ “นครปฐม ยูไนเต็ด” ถูกสั่งลดระดับจาก ลีกพระรอง “ไทยลีก2” ไปสู่ลีกล่างสุด “ไทยลีก4" เพราะมีปัญหาเรื่อง “คลับไลเซนซิง” แม้ว่า นครปฐม ยูไนเต็ด จะอุทธรณ์ แต่กรรมการที่พิจารณา ซึ่งเป็นคนในเส้นสาย “ครูใหญ่” หนึ่งในนั้นมี “ชนินทร์ แก่นหิรัญ” สว. ที่มีฉายาว่า “ทนายเขากระโดง” นั่งเป็นประธานกรรมการอุทธรณ์ ไม่ให้ผ่าน

ดังนั้นต้องจับตาการขยับของ “นักการเมืองพรรคสีชมพู” ว่า จะยอม “ปิดดีล” กับ “พรรคสีน้ำเงิน” หรือไม่ โดยเฉพาะ “ตระกูลศิลปอาชา” ที่ต้องชั่งให้ดี ระหว่างการสยบใต้ปีก “พรรคใหญ่” แทนการ “รักษามรดกพ่อ” ที่ในสนามการเมือง มีแต่คำว่า “ได้ไม่คุ้มเสีย”

ทั้งนี้ก่อนเรื่องราวจะประจักษ์ชัดแจ้ง ใน 1-2 วันนี้ ผู้อาวุโสของ พรรคสีชมพู “จองชัย เที่ยงธรรม” ให้สัมภาษณ์ในเชิงให้คิดให้ดี ว่า “ตอนเลือกตั้งปี2562 ผมย้ายไปพรรคภูมิใจไทย เพื่อลงแข่งกับนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา ผมถูกรุม ผลเลือกตั้งที่ออกมา ไม่ใช่ว่าผมแพ้นายประภัตร แต่ผมแพ้คนสุพรรณบุรี คติที่ผมได้สอนใจคือ แม้ผมเป็น สส.มา 40 ปี แต่เมื่อย้ายพรรคก็แพ้ เพราะคนสุพรรณบุรีผูกพันกับพรรคมากกว่าคน”

อนาคตของ “พรรคชาติไทยพัฒนา” ที่ “วราวุธ ศิลปอาชา” ดูแล เสมือนเป็นผู้รักษามรดกของ "บรรหาร ศิลปอาชา” จะไปทิศทางไหนจากนี้ ต้องติดตาม