'เท้ง' ชี้ไทยศูนย์กลางฟอกเงินทุนเทา ปลุกเลือก ปชน.ปราบ-เปิดโปง

'ณัฐพงษ์-ศิริกัญญา' ร่วมฟังเสวนา 'ทอม ไรต์' ผู้ขุดคุ้ยชำแหละปม 'เบน สมิธ' ด้าน 'เท้ง' ลั่นถ้า ปชน.เป็นรัฐบาล เอาจริงปราบสแกมเมอร์-เปิดโปงทุนเทาในประเทศ
KEY
POINTS
- ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ชี้ว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงเหยื่อ แต่เป็นศูนย์กลางการฟอกเงินให้กับขบวนการทุนสีเทาและแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ
- เขาระบุว่ามีนักการเมือง ข้าราชการ และนักการเงินไทยเข้าไปมีส่วนรู้เห็น ทำให้เครือข่ายเหล่านี้สามารถใช้ไทยเป็นฐานในการฟอกเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงคนทั่วโลก
- พรรคประชาชนประกาศว่าการปราบปรามและเปิดโปงเครือข่ายทุนเทาจะเป็นวาระเร่งด่วนหากได้บริหารประเทศ เพื่อแก้ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน
เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 19 พ.ย. 2568 ที่ผ่านมา ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (FCCT) กทม. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน เข้าร่วมกิจกรรม Inside the Whale Hunting Investigation: A Conversation With Tom Wright โดยมีนักวิชาการ สื่อมวลชนหลายสำนัก ร่วมรับฟังการบรรยายผลงานการสืบสวนเรื่องราวของ "เบน สมิธ" หรือ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ โดย “ทอม ไรท์” ผู้สื่อข่าวสอบสวนที่มีผลงานการเปิดโปงการทุจริตเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาของรัฐ (1MDB)
กิจกรรมในวันนี้ได้รับการตอบรับอย่างคึกคักจากผู้ที่สนใจเครือข่ายของ เบน สมิธ ซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ และความสัมพันธ์ของเบน สมิธ กับ "ฮุน เซน" ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดย ทอม ไรท์ บรรยายถึงที่มาของเบน สมิธ ตลอดจนความสัมพันธ์ของเบน สมิธกับบุคคลระดับสูงในประเทศไทยอย่าง "ทักษิณ ชินวัตร" และ "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" พร้อมทั้งแสดงข้อมูลหลักฐานจากการสืบสวนติดตามเครือข่ายของเบน สมิธ ในฐานะเจ้าพ่อสแกมเมอร์ในประเทศกัมพูชา
ภายหลังการบรรยาย ผู้ดำเนินรายการได้เปิดพื้นที่ให้ผู้ร่วมงานได้ซักถามข้อสงสัยต่องานสืบสวนชิ้นนี้ โดยนายณัฐพงษ์ได้ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณสำหรับกิจกรรมที่จัดในวันนี้ มองว่าผลงานเชิงสืบสวนสอบสวนของทอม ไรท์ เป็นประโยชน์อย่างมากต่อการฉายภาพขบวนการสแกมเมอร์ที่ใช้ไทยเป็นฐานฟอกเงิน ซึ่งเป็นประเด็นที่พรรคประชาชนได้ติดตามตรวจสอบเชิงลึกมานานนับปีเช่นกัน และได้นำข้อมูลมาอภิปรายเปิดโปงเครือข่ายสแกมเมอร์ของเบน สมิธในรัฐสภา
นายณัฐพงษ์ ถามคำถาม 2 ข้อคือ ในความเห็นของทอม ไรท์ ที่สืบสวนงานชิ้นนี้ เห็นว่ามีประเด็นใดที่คิดว่ารัฐบาลไทยหรือสังคมไทยควรดำเนินการขยายผลมากกว่านี้หรือไม่เพื่อเจาะลึกและหาหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครือข่ายดังกล่าว และหลังจากพรรคประชาชนเปิดโปงเครือข่ายของเบน สมิธแล้ว ในฐานะผู้ศึกษาเรื่องนี้ ได้สังเกตเห็นท่าทีของเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ มีการพัฒนาแนวทางในการหลบเลี่ยงการกระทำอย่างไรบ้าง
ทอม ไรท์ ตอบกลับคำถามแรกว่า สิ่งที่รัฐบาลทำได้ก็เป็นสิ่งเดียวกับที่ฝ่ายค้านได้ทำไปแล้ว ซึ่งทุกอย่างมีความซับซ้อนในเวลานี้ ส่วนคำถามที่สอง สิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากการเปิดโปงข้อมูลกรณี 1MDB คือเรื่องการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ เช่น การกระทำผิดเกิดที่นี่ แต่ตัวผู้กระทำผิดอยู่อีกประเทศ ก็ดำเนินการต่อได้ยาก
นายณัฐพงษ์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ข้อมูลของเบน สมิธ ที่ทอม ไรท์ เปิดเผย เราต้องยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่แค่เหยื่อ แต่เป็นศูนย์กลางการฟอกเงินให้ขบวนการเหล่านี้ด้วย ประเทศไทยไม่ใช่แค่ผู้ได้รับผลกระทบ แต่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเพราะมีนักการเมือง นักการเงิน และข้าราชการไทย สมรู้ร่วมคิดในกระบวนการฟอกเงิน และถ้าหากไม่มีการฟอกเงิน กระบวนการทั้งหมดก็จะไม่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น
1.การตั้งศูนย์สแกมเมอร์ในประเทศที่ผู้มีอำนาจยอมให้จัดตั้งได้
2.ได้รับอานิสงส์จากโครงสร้างพื้นฐานที่ดีจากประเทศไทย เช่น สนามบิน ถนนหนทาง ไฟฟ้า เชื้อเพลิงน้ำมัน และสัญญาณอินเตอร์เน็ต
3.เริ่มโกงเงินคนทั้งโลก รวมทั้งคนไทยด้วย
4.เมื่อได้เงิน ก็ใช้วิธียักย้ายถ่ายโอนและนำเงินใต้ดินขึ้นมาไว้บนดิน ซึ่งประเทศไทยเข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะเครื่องจักรฟอกเงิน
5.เมื่อเงินมาอยู่บนดินแล้ว ก็สามารถยักย้ายถ่ายเทไปลงทุนเป็นหุ้นส่วนในบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยและต่างประเทศได้
หัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ ขอยืนยันว่าคนไทยทุกระดับและทุกภาคส่วน ต่างก็ได้รับผลกระทบทั้งสิ้น ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายย่อย กระทบต่อความเชื่อมั่นในภาคการเงินและการธนาคารของประเทศ รวมถึงการเมืองไทย ที่เงินดำเหล่านี้เข้ามาครอบงำระบบการเมือง นักการเมือง ผู้มีอำนาจบริหารประเทศ และระบบราชการ และประชาชนคนไทยทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นเราจึงต้องเอาจริงเอาจังกับการปราบสแกมเมอร์และเปิดโปรงเครือข่ายของทุนเทาในประเทศให้ได้ โดยเรื่องนี้จะเป็นวาระเร่งด่วนที่พรรคประชาชนจะจัดการ หากได้บริหารประเทศ







