เลือก ปธ.กกต.วันนี้ ‘สิทธิโชติ-ณรงค์’ ชิงดำ สะพัด สว.น้ำเงินหนุน

กกต. มีกำหนดประชุมเพื่อลงมติเลือกประธานคนใหม่ในวันนี้ (18 พ.ย.) โดยมีผู้ท้าชิงตำแหน่ง 2 คน คือ นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ และนายณรงค์ รักร้อย
KEY
POINTS
- กกต. มีกำหนดประชุมเพื่อลงมติเลือกประธานคนใหม่ในวันนี้ (18 พ.ย.) โดยมีผู้ท้าชิงตำแหน่ง 2 คน คือ นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ และนายณรงค์ รักร้อย
- มีกระแสข่าวว่านายณรงค์ รักร้อย หนึ่งในผู้ท้าชิงตำแหน่ง ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม สว. ที่ถูกเรียกว่า "สว.สีน้ำเงิน"
- การแข่งขันครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการต่อสู้ระหว่าง "สายตุลาการ" (นายสิทธิโชติ) และ "สายบริหาร" (นายณรงค์)
- ประธาน กกต. คนใหม่จะต้องเผชิญความท้าทายสำคัญในการวินิจฉัยคดีฮั้ว สว. และการจัดการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2569
กรณีเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2568 สำนักเลขาธิการวุฒิสภาได้มีหนังสือแจ้งถึงนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้สำนักงาน กกต.พิจารณาดำเนินการจัดให้นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ และนายณรงค์ รักร้อย 2 ว่าที่ กกต. ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมวุฒิสภา และได้ลาออกจากตำแหน่งหรือเลิกประกอบวิชาชีพ ตามที่มาตรา 13 ประกอบ มาตรา 10 (20) (21) (22) และ (23) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. กำหนดแล้ว
โดยการประชุมเลือกประธาน กกต.ดังกล่าว จะเกิดขึ้นจาก กกต. 5 คนที่ยังไม่พ้นจากตำแหน่ง ได้แก่ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ นายชาย นครชัย นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ และนายณรงค์ กลั่นวารินทร์ เพื่อเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธาน กกต. แทนนายอิทธิพร บุญประคอง ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระ โดยแจ้งผลให้ประธานวุฒิสภาทราบ เพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ให้ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในคราวเดียวกัน
ในวันนี้ (18 พ.ย.) เวลา 13.00 น. จะมีการประชุม กกต.กันเพื่อโหวตเลือกประธาน กกต.ดังกล่าว โดยสำนักงาน กกต.ได้มีการประสานกับ 2 ว่าที่ กกต.ใหม่ และ กกต.ที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แคนดิเดตตำแหน่งประธาน กกต. มี 2 คนที่น่าจะแสดงความพร้อมเพื่อเสนอตัวดำรงตำแหน่ง ได้แก่ นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ กกต.ปัจจุบัน และนายณรงค์ รักร้อย 1 ใน 2 ว่าที่ กกต.ใหม่ สนใจที่จะดำรงตำแหน่งนี้เช่นกัน ว่ากันว่าได้รับแรงสนับสนุนจากภายนอก โดยเฉพาะจากทาง สว.สีน้ำเงิน
สำหรับนายสิทธิโชติ ก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง กกต.เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้า คณะในศาลฎีกา และประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา และได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 222 (2)
ส่วนนายณรงค์ รักร้อย ก่อนได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมวุฒิสภาให้ดำรงตำแหน่ง กกต.เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และก่อนหน้านั้นในช่วงปี 2561 -2564 ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี
บทบาทในการเลือกประธาน กกต.ครั้งนี้ คาดว่าจะกลายเป็นการต่อสู้เชิงความคิดระหว่าง “สายบริหาร” ที่เคยบังคับใช้กลไกของรัฐกับ “ฝ่ายตุลาการ” ที่บังคับใช้กฎหมาย และยึดกระบวนการตีความอย่างเคร่งครัด
ขณะเดียวกัน กกต.ชุดดังกล่าว จะต้องเผชิญแรงท้าทายสำคัญ 2 กรณี ได้แก่
1.คดีฮั้ว สว.ที่อยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาอยู่ โดยคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ได้สรุปสำนวนข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว มีข้อมูลบ่งชี้ว่า คนต้นคิดขบวนการฮั้ว สว.คือ “กลุ่มยังบลัด” และ สส.หน้าใหม่ ที่เป็นระดับ “ลูกท่านหลานเธอ” ทายาท “บิ๊กเนมนักเลือกตั้ง” ภายในพรรคการเมืองชื่อดัง อย่างน้อย 8 คน หลายคนเป็นที่รู้จักมักคุ้นแก่สาธารณะ และเป็นระดับ “บ้านใหญ่” ของหลายจังหวัดทั้งภาคอีสานใต้ และภาคกลาง เป็น “ผู้ริเริ่ม” หรือ “ร่วมสนับสนุน” วางแผนเพื่อดำเนินการฮั้ว สว.ดังกล่าว ทั้งหมดถูกกล่าวหาว่า กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 36 มาตรา 70 มาตรา 76 มาตรา 77 (1) และมาตรา 62
ที่น่าสนใจ สว.ชุดที่ถูกกล่าวหาใน “คดีฮั้ว” กลับมีการให้ความเห็นชอบ กกต.เข้าทำหน้าที่ เบื้องต้น 2 ราย และยังต้องสรรหาให้ครบทั้ง 7 ราย ซึ่ง กกต.ที่ถูก สว.ชุดนี้สรรหานั้น จะต้องไปพิจารณาวินิจฉัยใน “คดีฮั้ว สว.” ทำให้เกิดการตั้งคำถามจากทุกภาคส่วนว่า จะเกิดมวยล้มต้มคนดูหรือไม่
2.การจัดการเลือกตั้งในปี 2569 โดยมีทั้งการเลือกตั้ง สส.ระดับชาติ การเลือกตั้ง อบต. และการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อระบอบประชาธิปไตยไทย ที่สำคัญ สว.ชุดนี้ที่เลือก กกต.เข้าไปทำหน้าที่ มีความสัมพันธ์กับพรรคการเมืองบางพรรค อาจถูกมองว่า การจัดการเลือกตั้งครั้งหน้าจะทำได้อย่างสุจริต โปร่งใส และเที่ยงธรรมหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ในผลการเลือกตั้งที่จะออกมาด้วย







