'โรม' ติงนายกฯแช่แข็งข้อตกลงสันติภาพ ทำแผนปราบสแกมเมอร์ชะงัก

'โรม' ติงนายกฯแช่แข็งข้อตกลงสันติภาพ ทำแผนปราบสแกมเมอร์ชะงัก

'โรม' ติงนายกฯแช่แข็ง 'ข้อตกลงสันติภาพ' ทำแผนปราบ 'สแกมเมอร์' ชะงัก เชื่อมีคนยิ้มอยู่เพราะได้ประโยชน์ ถามรัฐบาลหวังปูทางเลือกตั้ง 69 หรือไม่

KEY

POINTS

  • รังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน วิจารณ์ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่สั่งแช่แข็งข้อตกลงสันติภาพกับกัมพูชาหลังเกิดเหตุการณ์บริเวณชายแดน
  • การระงับข้อตกลงดังกล่าวส่งผลให้แผนความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ต้องหยุดชะงักลงทันที
  • ชี้ว่าการกระทำของรัฐบาลอาจเข้าทางกัมพูชา ซึ่งไม่ต้องการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์และได้ประโยชน์จากการเบี่ยงเบนประเด็น
  • เสนอให้รัฐบาลใช้มาตรการเชิงรุก เช่น การออกหมายจับ ตัดเส้นทางทุนสีเทา และดึงนานาชาติร่วมกดดันกัมพูชา

เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ที่มีต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังประเทศกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดที่ละเมิดข้อตกลงสันติภาพว่า ตนรู้สึกเสียใจกับผู้สูญเสียทุกคนและไม่อยากให้เกิดขึ้น รู้สึกผิดหวังที่รัฐบาลไม่ได้ลงทุน กับการรับมือสถานการณ์ชายแดนอย่างเพียงพอ ซึ่งรัฐบาลควรอนุมัติงบกลางที่มากกว่านี้ ขอตั้งข้อสังเกตให้สังคมคิดตามว่ากัมพูชาต้องการอะไร จากที่โลกพุ่งเป้าล้อมกัมพูชาแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แต่เมื่อเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นประเด็นเปลี่ยน หากรัฐบาลงับประเด็นที่กัมพูชากำลังทำอยู่ในขณะนี้ ถามว่าใครได้ประโยชน์ 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ช่วงที่ไทยและกัมพูชาไปทำข้อตกลงสันติภาพที่ประเทศมาเลเซีย มี 2 ประเด็น คือ

1.เรื่องแรร์เอิร์ธ และ2.สถานการณ์ชายแดน ซึ่งมีเรื่องสแกมเมอร์อยู่ในข้อตกลงสันติภาพชายแดน เมื่อวันนี้รัฐบาลแช่แข็งข้อตกลงสันติภาพ ทำให้การแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์หยุดลงทันทีเช่นกัน ตนเชื่อว่าการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ กัมพูชาเสียเปรียบไทย เขาจึงต้องการยกเลิกอยู่แล้ว หากเราแช่แข็งทันทีโดยที่ไม่นึกถึงแผนต่อไป ถามว่ากัมพูชาได้เปรียบใช่หรือไม่

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า เดิมประเทศไทยมีเพื่อนเพื่อจัดการปัญหาสแกมเมอร์ในกัมพูชา กลายเป็นขณะนี้โลกจะหันมาล้อมไทยแทน หากคิดไม่รอบคอบกลายเป็นว่าไทยไม่ได้ปฏิบัติอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศอย่างแท้จริงซึ่งเรื่องสแกมเมอร์ กัมพูชาไม่อยากปราบ ฝ่ายไทยปราบแล้วก็เจอตอ มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง รัฐบาลนายอนุทินไม่อยากแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างแท้จริง อยากให้สังคมคิดว่ามีการเบี่ยงประเด็น เพราะมีคนสมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายใช่หรือไม่ ถามว่ารัฐบาลนี้ทำเพื่อผลประโยชน์ของชาติหรือเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เพื่อปูทางไปถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น โดยไม่สนใจว่าประเทศไทยจะมีใครเป็นศัตรูเพิ่ม ขณะนี้เรากำลังเจอกับสงครามลูกผสม ที่มีการใช้ข่าวสารกำลังทางอาวุธ อุปกรณ์ไซเบอร์ กัมพูชามีนักรบไซเบอร์ ที่ก่อกรรมทำเข็ญกับคนทั่วโลก เพื่อเล่นงานประเทศไทย หากยังไม่แก้ไขจะได้เห็นเงินสีเทาไหลเข้าพรรคการเมือง แล้วใช้ซื้อเสียงอย่างมหาศาล ปัญหาที่เกิดขึ้นมีคนแสยะแยะยิ้มอยู่เพราะได้ผลประโยชน์ 

เมื่อถามว่าแนวทางต่อไปที่รัฐบาลควรต้องทำหลังประกาศท่าทีแล้วคืออะไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า

1.ควรเปิดปฏิบัติการเชิงรุกให้มากขึ้น ออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ถ้าตรวจสอบกันดีๆอาจเจอเส้นเงินของสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และหากยื่นไปที่อินเตอร์โพล จะทำให้กัมพูชาเกิดแผ่นดินไหว 10 ริกเตอร์

2.ต้องตัดแขนขาทุนสีเทา เขาคือไส้ศึกและทรยศต่อชาติ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของสถานการณ์ชายแดนเห็นด้วยที่รัฐบาลจะต้องเตรียมความพร้อมขั้นสูงสุด และทั้งหมดเสริมด้วยเทคโนโลยีได้ เพราะกล้องจะเป็นตัวมอนิเตอร์ เราจะมีหลักฐานเพื่อส่งต่อไปยังประเทศอื่น ๆ

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลควรดึงประเทศอื่น ๆ มากดดันกัมพูชา ให้โลกล้อมกัมพูชา ภาระการพิสูจน์การวางกับดักระเบิด ทุ่นระเบิด ไม่ใช่อยู่ที่ไทย แต่อยู่ที่ประเทศกัมพูชาที่ต้องเป็นผู้พิสูจน์

“สังเกตหรือไม่ว่าเขาพร้อมมาก เขามาทุกชั่วโมง เพราะเขารู้ว่าเขาต้องการอะไร แต่อย่าให้กับดักลูกที่สอง รัฐบาลเราเป็นคนเหยียบ ไม่เช่นนั้นจะเสียหายจริงๆ” นายรังสิมันต์ กล่าว