เปิดหน้า 'ช.-ส.' โยงทุนเทา 'พรรคส้ม' พลิกกระแสลบ- ช่วย 'ภท.' ?

"มีเราไม่มีเทา" คือ สโลแกน "ปชน." โหมโรงเลือกตั้ง สังคมจ้องไปที่ "กมธ.มั่นคง" วันนี้เปิดประเด็นคุ้ยนักการเมือง "ช.-ส." โยงทุนเทา เบื้องหลังอาจเป็นเกมช่วย "ภท."
KEY
POINTS
- คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ ที่นำโดย "พรรคประชาชน" เรียกสอบสวนนักการเมือง ช.ช้าง และ ส.เสือ กรณีต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายทุนเทา
- การเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นการสร้างผลงานของพรรคประชาชน เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ จาก "ด้อมส้ม" คืนมา หลังเสียเครดิตหลังโหวตหนุน "อนุทิน" นั่งนายกฯ
- ทว่าหากดูเชิงลึก นักการเมืองที่ มีชื่อโยงทุนเทา อีกฐานคือ คู่ต่อสู้ทางการเมือง ตัวบักเอ้ ของ "พรรคภูมิใจไทย"
- ดังนั้นเกมนี้ นอกจาก เรื่องกู้คะแนนนิยม อีกต่อหนึ่งคือ ดำรงสถานะ "ส้มค้ำน้ำเงิน" ในเกมการเมือง ถึง สนามเลือกตั้ง
เมื่อ “พรรคประชาชน” เปิดแคมเปญ “มีเราไม่มีเทา” เพื่อ การสร้างกระแส ปูทางไปสู่ เรตติ้ง ในศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
ทำให้ทุกเส้นทางเคลื่อน ทางการเมือง จับจ้องไปที่ บทบาทของ “สส.พรรคส้ม” ซึ่งจั่วหัวถึง “พวกธุรกิจผิดกฎหมาย” และโยงไปถึง “นักการเมือง” เครือข่ายทุนเทา
โดยเฉพาะบทบาทของ “คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ” ที่มี “รังสิมันต์ โรม” เป็นหัวหอก ลุยฟัน ก่อนหน้านั้น เดินเครื่องชน กับ “แก๊งคอลเซนเตอร์ - สแกมเมอร์ชายแดน” ไปแล้วรอบหนึ่ง สมัยที่ “พรรคเพื่อไทย” เป็นรัฐบาล
พอเปลี่ยนมือรัฐบาล “รังสิมันต์” ยังคงบทบาท ฝ่ายค้าน ที่ใช้ กลไกของกมธ.มั่นคงลุยตรวจสอบต่อ
กับสถานการณ์ รุกคืบของ “แก๊งทุนทุน-สแกมเมอร์-คอลเซนเตอร์” ที่ขยายอิทธิพลมาสู่ “วงการสีกากี และการเมือง” ล่าสุดที่มีข่าวว่า “คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ” (ก.ร.ตร.) ชี้มูลความผิดวินัยกับ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” และ ตำรวจอีก 200 นาย กรณีรับส่วยจากขบวนการเว็บพนันออนไลน์กว่า 2.5พันล้านบาท ซึ่งมีการเปิดเผยถึงเส้นเงิน และมีชื่อ บิ๊กการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
“กรรมาธิการมั่นคง” จับจังหวะของประเด็นตรวจสอบ ขยายผล ทั้งการประสานมือกับ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีตรองผบ.ตร. - อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ขุดคุ้ย และจับรหัสทุนเทา ที่แกะรอย ได้ความว่า มีนักการเมืองใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง
โดยในวันนี้ (13 พ.ย.) กมธ.มั่นคง เชิญ นักการเมือง ช.ช้าง คือ “ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว” สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม และ นักการเมือง ส.เสือ “สมยศ พลายด้วง” หรือ โกถึก สส.สงขลา ประชาธิปัตย์ เข้าร่วมประชุม แม้จะไม่กำหนดประเด็นซักถาม แต่ทั้งสองคนเป็นตัวละครที่ถูกจับตามอง ซึ่งล่าสุดนั้น “ชนนพัฒฐ์” ถูก ป.ป.ง. อายัดทรัพย์ จำนวน 159 ล้านบาท ไว้ตรวจสอบแล้ว
ดังนั้นต้องจับตาว่า จะได้น้ำ หรือได้เนื้อ ต่อกระบวนการที่ถูกเปิดโปงโยงถึง “นักการเมือง” ที่หลายคนคาดหวังว่าจะสกัดทุนเทาไม่ให้ลงมาสู่ การใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้งได้จริงๆ หรือไม่
ทว่าเรื่องนี้...ต่อให้ “สส.พรรคประชาชน” จะใช้กลไกของ “กมธ.มั่นคง” แกะรอย “แก๊งสีเทา” และ “นักการเมือง” ที่อยู่เบื้องหลังแบบเกาะติดมากเพียงใด แต่ยังไม่เคยเห็นภาพที่ แตะไปถึง “พรรคภูมิใจไทย”
แม้ก่อนหน้านั้น ในวันที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยขึ้นมาเป็น “ผู้นำประเทศ” และได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา
วันนั้น “ไชยชนก ชิดชอบ” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ป้ายแดง ตั้งใจเปิดประเด็น “สินบน40ล้าน แลกกับการไม่ปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์ผิดกฎหมาย”
คำพูดนี้ สื่อให้เห็นถึงร่องรอย และย้ำการมีอยู่จริงของ “พวกทุนเทา” แม้เรื่องนี้จะขยับไปสู่การตรวจสอบในชั้นระบบของ “เจ้าหน้าที่” และ “คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ” (ป.ป.ช.)
ทว่าในบทบาทของ “กมธ.มั่นคง” ควรจะสืบสาว เพื่อหาตัวการ ไม่ใช่ปล่อยให้ “ฝ่ายการเมือง” ที่มีอำนาจเหนือกลไกรัฐ-ราชการดำเนินการฝ่ายเดียว แถมไม่ได้ไล่บี้ ให้ “ไชยชนก” เข้าชี้แจงต่อกมธ.
ไม่เหมือนกับกรณีของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ที่ถูกตามตัวมาชี้แจงต่อ กมธ.ฯ สัปดาห์ต่อสัปดาห์
หากมองในอีกแง่ ประเด็นสินบน 40 ล้านบาท ที่กมธ.มั่นคง ไม่เอาจริงเอาจัง อาจจะเป็นเพราะรู้แกว ว่า เรื่องนี้เป็นแค่การดิสเครดิตการเมือง ระหว่าง “ภูมิใจไทย” กับ “เพื่อไทย” เพราะ “ไชยชนก” มีประโยคทิ้งท้ายไว้ว่า “สงสัยในธรรมเนียมปฏิบัติของกระทรวงดีอีที่ผ่านมา จึงต้องตรวจสอบ”
แต่นี่อาจไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง เพราะอย่าลืมว่า “พรรคประชาชน” ขณะนี้ คงอยู่ในสถานะ “ฝ่ายค้าน” ที่คอยค้ำรัฐบาลภูมิใจไทย จากที่ร่วมโหวตให้ “อนุทิน” นั่งนายกฯ ทำให้คุณค่าของพรรค ในสายตา-ความรู้สึก ของ “ด้อมส้ม” ถูกด้อยค่าลงไป ดังนั้นจึงต้องหาประเด็นเพื่อเลี้ยงกระแสให้ เห็นว่า “พลพรรคของพรรคประชาชน” ไม่ได้ทิ้งบทบาทตรวจสอบฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวโยง เป็นความเสียหาย-ความทุกข์ของประชาชน
กับความพยายามตรวจสอบของ “กมธ.มั่นคง” ที่ลากตัวละครการเมือง ซึ่งสงสัยว่าเชื่อมโยงกับ “ทุนเทา” มาเปิดหน้าต่อสังคม ทั้ง “ธรรมนัส-นฤมล-ชนนพัฒฐ์” จากพรรคกล้าธรรม และ “โกถึก-สมยศ” ที่เตรียมย้ายจาก “ประชาธิปัตย์” ไปสังกัด “ภูมิใจไทย” ซึ่งประกาศเป็นพันธมิตรกับ “กล้าธรรม” ในนามกลุ่ม “ภูมิใจธรรม”
ชวนให้นึกถึงภาพและคำพูดที่ว่า “ไม่มีมิตรแท้ หรือ ศัตรูที่ถาวร” เพราะเมื่อ “พรรคประชาชน” วางตัวเองเป็นผู้กุมชะตากรรม และ ฝ่ายค้ำ “รัฐบาล-ภูมิใจไทย” และยื่นเงื่อนไขบนข้อตกลงทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็น การแก้รัฐธรรมนูญ 2560 ให้สำเร็จก่อนยุบสภา
ทำให้บทบาทการทำงาน อาจต้องยอมหลับตาหนึ่งข้าง เพื่อให้บรรลุข้อตกลงทางการเมือง ขณะเดียวกันก็ยอมเป็นเครื่องมือ เพื่อกำราบ “คู่อริ” ทางการเมือง เพื่อประโยชน์ของตนและศัตรูในสนามเลือกตั้งที่ใกล้มาถึง







