'กมธ.แก้รธน.' วางกรอบ ให้ประชาชนร่วม ร่างรธน.ใหม่ แทนเลือก 'สสร.'

'กมธ.แก้รธน.' วางกรอบ ให้ประชาชนร่วม ร่างรธน.ใหม่ แทนเลือก 'สสร.'

"โฆษก กมธ.แก้รธน." เคาะองค์กรแก้รธน. "กมธ.ร่างรธน.-คณะฟังความเห็น" ให้ รัฐสภาเลือก พร้อมวางกรอบเปิดช่องให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด หลังตัดสิทธิ์เลือก สสร.

ที่รัฐสภา นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา แถลงผลการประชุมกมธ. ซึ่งมีข้อยุติต่อประเด็นการกำหนดให้ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างงรัฐธรมนูญ เป็นองค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพียงองค์กรเดียว ว่า ที่ประชุมได้ลงมติในหลักการที่ได้ข้อยุติแล้ว คือให้มี กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน และ ให้มี กรรมการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน จำนวน 35 คน แทนสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การพิจารณาถือว่าผ่านในหลักการสำคัญแล้ว ประเด็นต่อไปจะหารือในรายละเอียดที่มาของกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมการรับฟังความคิดเห็น อย่างไรก็ดี กมธ.ได้หารือถึงฉากทัศน์ที่จะเกิดขึ้นต่างๆ จึงต้องพูดคุยเพื่อให้มีข้อสรุปที่รอบคอบมากยิ่งขึ้น

นายนรเศรษฐ์ กล่าวตอบคำถามถึงหลักการที่จะทำให้เกิดการยึดและเชื่อมโยงกับประชาชน ว่าความเห็นกมธ.ทุกคนเห็นด้วยกับการมีการเลือกตั้งโดยประชาชน แต่ที่ต้องโหวตแก้ไขในประเด็นสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเกรงว่าจะขัดกับคำวินิจฉัยหรือความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้การผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องล่าช้า

“ถ้ากระบวนการเริ่มต้นของการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่สามารถทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการต้นน้ำได้ เช่น การเลือก สสร. สามารถมุ่งเน้นกระบวนการกลางน้ำ หรือ การมีส่วนร่วม รับฟังความเห็นของประชาชนได้ ซึ่ง กมธ.ได้คุยในหลักการว่าจะออกแบบกระบวนการดังกล่าวให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม และมีความหมายมากให้ที่สุด เพื่อชดเชยการไม่มีคูหาเลือกตั้งได้” นายนรเศรษฐ์ กล่าว

นายนรเศรษฐ์ กล่าวด้วยว่าในขั้นตอนต่อไป กมธ.จะหารือในรายละเอียดเพื่อกำหนดที่มาของ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กรรมการรับฟังความคิดเห็น  การวางบทบาท  รวมถึงคุณสมบัติ  ดังนั้นคนที่จะสมัครเข้ามาจะแตกต่างตามบทบาทหน้าที่ ซึ่งอยู่ระหว่างการออกแบบ ซึ่งในกระบวนการคัดเลือกต้องให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก

เมื่อถามว่า จะมีการกำหนดกลไกเพื่อไม่ให้ฝ่ายการเมืองใช้อิทธิพล หรือ เข้ามาครอบงำการเลือกกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กรรมการรับฟังความเห็นอย่างไร นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า มาตราที่จะพิจารณาต่อจากนี้ คือ กระบวนการที่ป้องกันที่จะเกิดความเสี่ยงที่ทำให้เสียงข้างมากของรัฐสภาลากไป  ซึ่งเป็นกระบวนการที่ป้องกันการครอบงำของฝ่ายการเมือง

ขณะที่ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน ฐานะโฆษก กมธ. กล่าวด้วยว่าเหตุผลที่ที่ประชุมโหวตเสียงข้างมากให้เปลี่ยนแปลงจากสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรรมนูญ ไปเป็น คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เพราะข้อเสนอดังกล่าว กมธ.ไม่เห็นด้วย เพราะมีที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น กมธ.ต้องพิจารณาทางเลือกอื่น ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอซึ่ง นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เสนอ อย่างไรก็ดีคณะกรรมการรับฟังความเห็นฯ ที่ให้มี 35 คนนั้น จะมีที่มาจากการเลือกของรัฐสภา

เมื่อถามว่ากมธ.กังวลใจหรือไม่ ว่าข้อสรุปของกมธ. จะเกิดการถกเถียงในชั้นของรัฐสภา เพราะสสร. ถือเป็นองค์กรที่ได้รับการเชื่อถือจากการร่างรัฐธรรมนูญมาก่อน น.ส.พนิดา กล่าวว่า  กมธ.มีเหตุผลที่จะสนับสนุนและตอบคำถามของสมาชิกรัฐสภาได้ อย่างไรก็ในการพิจารณาของกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญจะหาทางเพื่อป้องกันการผูกขาดโดยเสียงข้างมากของรัฐสภา

ขณะที่ นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ฐานะโฆษกกมธ. กล่าวว่า สำหรับการพิจารรณาของกมธ. กำหนดว่าภายในวันที่ 14 พ.ย. นี้จะทำเนื้อหาให้เสร็จสิ้น จากนั้น วันที่  18-19 พ.ย. จะเชิญผู้เสนอคำแปรญัตติให้เข้าชี้แจง และเมื่อทำเสร็จแล้วจะกำหนดวันประชุมร่วมกันของรัฐสภา เบื้องต้นจะเป็นการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับผลการลงมติเพื่อตัดสิน ว่าจะเลือกแนวทางใด ระหว่าง กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ  เพียงองค์กรเดียว หรือ ให้มีสภาร่างธรรมนูญ และ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ พบว่า มติข้างมาก 22 ต่อ 8 เห็นด้วยให้มีเฉพาะกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเสียงข้างมากนั้นได้รับการสนับสนุนจาก กมธ.ฝั่งพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และ สว.ส่วนใหญ่ ขณะที่เสียงข้างน้อย นั้น เป็นกมธ.ของพรรคเพื่อไทย และแนวร่วม

ส่วนประเด็นการตัดสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญออกไป และเปลี่ยนให้เป็น คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนนั้น มติออกมาคือ 22 ต่อ 9 เสียง