'จุลพันธ์' รับ 'หัวหน้าปชน.' นัดหารือ คาดถกปมแก้รัฐธรรมนูญ

'จุลพันธ์' รับ 'หัวหน้าปชน.' นัดหารือ คาดถกปมแก้รัฐธรรมนูญ ไม่แปลกใจ 'ศิริกัญญา' บอกยังไม่ร้ายแรงพอยื่นซักฟอกรัฐบาล
ทึ่พารากอนซีนีเพล็กซ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้มีการพูดคุยกับพรรคประชาชนแล้วหรือไม่เพราะล่าสุด น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ยังไม่ร้ายแรงพอว่า มีการนัดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการกับ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จะไปนั่งคุยกันเร็วๆ นี้แต่ขอไม่บอกวันกับสื่อมวลชน ซึ่งคงจะคุยกันหลายเรื่อง ทั้งการแก้ไขกรอบรัฐธรรมนูญ รวมถึงการยื่นญัตติต่างๆ ที่จะต้องมาคุยกันว่างานสภาจะร่วมมือกันได้อย่างไร
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ส่วนที่ น.ส.ศิริกัญญา พูดก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะสัญญาณความใกล้กันของพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยก็มีมาสักพักแล้ว ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไรนัก เพียงแต่เป็นห่วง เนื่องจากจริงๆ แล้วกระบวนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากมีอะไรที่เกิดข้อสงสัยว่าจะเกิดความเสียหายกับประเทศ กระบวนการในการตรวจสอบของฝ่ายค้านอย่างตนคงอยู่ไม่ได้ พวกตนมีเสียงเกินกว่า 100 เสียงอยู่แล้ว
โดยประเด็นนี้คงพิจารณากันภายในพรรคก่อน แต่หากจะมีการยื่นจริงๆ ก็ต้องหารือร่วมกันว่าพรรคประชาชนคิดเห็นอย่างไร เพราะที่ฟังมาก็เป็นเพียงแค่ความเห็นของ น.ส.ศิริกัญญาคนเดียว ไม่ได้หมายรวมถึงผู้นำฝ่ายค้านด้วย ต้องฟังความเห็นให้รอบด้าน ว่าทุกคนคิดเห็นตรงกันหรือไม่ เพราะจากข่าวก็ยังมีความไม่ชัดเจน น.ส.ศิริกัญญา บอกว่าไม่มีความเสียหาย
ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม และ น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.พรรคประชาชน ตรวจสอบเรื่องสแกมเมอร์บอกว่ามีความเสียหายเยอะแล้ว เช่นเดียว กับนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ก็บอกว่าจะยื่นหากไม่มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ดังนั้นตรงนี้อยากให้พรรคประชาชนไปทำให้เกิดความชัดเจน ลองคุยกันก่อนแล้วนำมาหารือกับตนในวันที่พบกัน จะได้รู้ทิศทางว่าพรรคประชาชนคิดอย่างไร
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า เรื่องความเสียหาย เช่น เรื่องปัญหาการฮั้ว ส.ว. เรื่องเขากระโดง จะบอกว่าไม่เกิดความเสียหายกับประเทศก็ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับพรรคประชาชนเชื่อหรือไม่ ว่ามีความผิดปกติในกระบวนการคัดเลือกส.ว.หรือความผิดปกติในการถือครองพื้นที่เขากระโดง ต้องไปพิจารณา
เมื่อถามว่าหากสองพรรคเห็นต่างกันเพื่อไทยจะยื่นด้วยตัวเองหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ถูกต้อง เราไม่ได้ยืนอยู่ภายใต้ข้อจำกัด เราเป็นพรรคฝ่ายค้าน ไม่ได้อยู่ร่วมในกระบวนการทำ MOA จึงไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของการเลือกนายกฯ หรือ MOA ใดๆ การตัดสินใจของเราเป็นอิสระ ต้องดูประโยชน์สูงสุด ดูความพร้อมของข้อมูลที่มี และความเสียหายที่เกิดกับประเทศว่าจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อถามว่าต้องรอให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผ่านวาระ 3 ก่อนยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นปัจจัยที่พรรคคำนึงถึง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรอหรือไม่ เพราะกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญในสัดส่วนพรรคเพื่อไทย ก็มีการพูดคุยว่าอยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และต้องดูความจริงใจของรัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภาเสียงส่วนใหญ่ ว่ามีความตั้งใจในการแก้ไขจริงหรือไม่ ตนเคยให้สัมภาษณ์แล้วว่าส่วนตัวไม่เชื่อว่า เขามีความตั้งใจในการแก้
โดยกระบวนการในชั้นกรรมาธิการก็ล่าช้า สิ่งที่เราเรียกร้องคือขอให้มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ตั้งแต่วันที่ 19-20 พฤศจิกายน ซึ่งก็มีทีท่าว่าจะไม่ได้รับการสนอง จะไปเปิดในวันที่ 8-10 ธันวาคม ซึ่งจะทำให้ล่าช้าออกไป เพราะต้องเพิ่มอีก 15 วันถึงจะลงมติในวาระ 2 ได้ และปลายเดือน ธันวาคม ถึงจะลงมติในวาระ 3 ได้ ซึ่งวันที่ลงมติจะเป็นวันที่ชัดที่สุดว่าสุดท้าย ส.ว. และส.ส. ฝ่ายรัฐบาลเห็นชอบกับการแก้ไขหรือไม่







