‘เมฆินทร์ รองหัวหน้าปชป.’ ลงพื้นที่อ่างทอง ถกแก้ภัยพิบัติ

‘เมฆินทร์ รองหัวหน้า ปชป.’ ลงพื้นที่อ่างทอง เผยปัญหาภัยพิบัติ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ประชาชนต้องการแก้ไข ชี้ ปชป. เปิดประตูให้ประชาชนมาสมัครสมาชิกเพื่อให้เป็น ‘สส.ที่ดี’ ลั่นพร้อมสู้เพราะรู้ว่าคู่แข่งยังอยู่ที่เดิม
นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ภาคกลาง กล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.อ่างทอง เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบน้ำท่วม ที่ อ.ป่าโมก และร่วมประชุมใหญ่สามัญและเลือกตั้งตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ประจำจังหวัดอ่างทอง ที่ศาลาอเนกประสงค์ ศาลเจ้าพ่อกวนอู ภายในเขตเทศบาลเมืองอ่างทอง ว่า ตนพร้อมด้วย นายทนงศักดิ์ ปิ่นถาวร เลขานุการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคกลาง นายณรงค์ ปราบปัญจะ ที่ปรึกษารองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคกลาง นายอรชุน ประสิทธิ์สมบัติ และน.ส. ภัทรสุดา บุษรานันท์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดอ่างทอง ร่วมกันลงพื้นที่ เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมบริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา อ.ป่าโมก พร้อมกับเยี่ยมเยียนประชาชนผู้ประสบภัย
จากนั้น ตนและคณะได้เยี่ยมชมโรงครัวเทศบาลเมืองอ่างทอง โดยมีการมอบทุนสนับสนุนค่าอาหารแก่โรงครัว เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และร่วมช่วยกันบรรจุทรายลงในกระสอบ เพื่อช่วยปกป้องพื้นที่สำคัญๆ ของอำเภอ โดยเฉพาะโรงพยาบาลป่าโมก
นายเมฆินทร์ กล่าวต่อว่า จากนั้น ตนและคณะ ก็ได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญและเลือกตั้งตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ประจำจังหวัดอ่างทอง โดยมีสมาชิกและประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งตนได้กล่าวกับประชาชนภายหลังจากที่มีการประชุมไปเรียบร้อยแล้วว่า สถานการณ์น้ำท่วม ที่ยังมีอยู่ในเวลานี้ ถือเป็นเวลาที่ชาวอ่างทองต้องร่วมแรงร่วมใจกันตามบทบาทและศักยภาพของตนเอง เพื่อฝ่าฟันสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน และไม่ใช่เพียงแค่ให้ผ่านพ้นวิกฤตเท่านั้น จากนี้ จะต้องมีการระดมสมองเพื่อช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ หรืออย่างน้อยที่สุด จะต้องลดความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้กระทบกับวิถีชีวิตปกติของประชาชน ซึ่งในฐานะที่ตนเองเป็นรองหัวหน้าพรรคที่รับผิดชอบในพื้นที่ภาคกลาง ตนไม่อยากให้พื้นที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี และพื้นที่อื่นๆ ในภาคกลาง จะต้องไม่ตกเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปแค่เป็นพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมจนประชาชนประสบปัญหาเท่านั้น
เพราะพื้นที่เหล่านี้ มีศักยภาพที่จะพัฒนาคุณภาพในด้านอื่นๆ ได้เป็นอย่างมาก แต่ติดปัญหาที่ว่า เป็น พื้นที่รองรับน้ำท่วม ทำให้ประชาชนในบริเวณนั้น ต้องเสียเวลาและโอกาสในการดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติสุข อย่างน้อยปีละ 1 เดือน ดังนั้น การที่พรรคประชาธิปัตย์ มีโครงการที่เปิดโอกาสให้คนทุกคนที่มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยและพร้อมที่จะพัฒนาประเทศโดยมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง ในชื่อว่า “สส.ที่ดีคุณเองก็เป็นได้” นั้น ตนเชื่อว่า ปัญหาน้ำท่วมและภัยพิบัติสาธารณะ ถือเป็นปัญหาต้นๆ ที่ประชาชนต่างให้ความสำคัญและแสดงความคิดเห็นที่จะแก้ไขปัญหาเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้น จึงอยากให้คนเหล่านี้ มาร่วมเปิดใจในการที่จะเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อร่วมกันผลักดันแนวทางแก้ไขปัญหานี้ เพราะถือเป็นอีกหนึ่งปัญหา ที่สร้างความสูญเสียทั้งเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ซึ่งตนและทีมงาน ก็จะนำสิ่งที่พบเห็นในการลงพื้นที่ จ.อ่างทอง คราวนี้ นำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะทำงานด้านนโยบายของพรรคฯ ดำเนินการเพื่อจัดทำเป็นนโยบายในการหาเสียงในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
“จริงๆ แล้ว หากย้อนไปดูประวัติศาสตร์ทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองแรกที่เข้าไปอยู่ในหัวใจของคนอ่างทอง ในการเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2489 จนกระทั่ง มี สส. คนล่าสุดของพรรคประชาธิปัตย์ มาจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2519 เมื่อนับเวลาแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่มี สส. ที่ จ.อ่างทอง มาเป็นระยะเวลาเกือบ 40 ปี ทั้งนี้ ผมในฐานะรองหัวหน้าพรรคในพื้นที่ภาคกลาง นอกจากจะเน้นการทำงานเชิงรุกทุกองคาพยพในพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการสาขาพรรคแล้ว ยังต้องสร้างบทบาทให้ผู้ที่จะประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่นั้นๆ ได้ลงพื้นที่เพื่อขอเสียงสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากการลงพื้นที่ในวันนี้ อดีตผู้สมัคร สส. จากพรรคประชาธิปัตย์ ในจังหวัดอ่างทอง ก็ได้มาร่วมลงพื้นที่และร่วมประชุมฯ ในครั้งนี้ ก็มีกระแสตอบรับที่ดีมาก
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่า คู่แข่งในสนามการเลือกตั้งที่อ่างทอง จะเป็นคนที่ประชาชนนิยมและทำงานเอาไว้อย่างดีมาก แต่ถือเป็นข้อดีที่เขาเป็น สส. ในพรรคที่เป็นแกนนำรัฐบาลมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว จึงทำให้สามารถวางแผนในการวางกลยุทธ์ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงโดยง่าย เพื่อหวังที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้มี สส.อ่างทอง ที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ในรอบเกือบ 40 ปี ทั้งนี้ หากประชาชนในเขตภาคกลางท่านใด อยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงการเมืองและพัฒนาประเทศไทย แต่ยังไม่มีพรรคการเมืองไหนเชื้อเชิญหรือเปิดประตูให้ ในวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดประตูนั้นมาแล้ว
เพียงแค่แสดงเจตจำนงผ่าน 3 ช่องทาง คือ 1. มายื่นใบสมัครด้วยตนเองที่พรรคประชาธิปัตย์ 2. ดาวน์โหลดใบแสดงความจำนงเป็นผู้สมัคร สส. ของพรรค แล้วส่งทางไปรษณีย์ และ 3. ยื่นใบสมัครออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ของพรรค ได้ที่ democrat ตั้งแต่วันนี้ถึง วันที่ 30 พฤศจิกายน นี้ เพราะเชื่อว่า ‘สส.ที่ดีคุณเองก็เป็นได้’ และถ้าจะดีกว่านี้ หากเริ่มต้นกับพรรคการเมืองที่อยู่คู่ประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และมีความตั้งใจที่จะทำงานการเมืองแบบสุจริตอีกด้วย” นายเมฆินทร์กล่าว







