‘ยรรยง’ จี้ ‘อนุทิน’ วัด KPI ‘ศุภจี’ หลังราคาข้าวตกต่ำใน 10 ปี

‘ยรรยง’ จี้ ‘อนุทิน’ วัด KPI ‘ศุภจี’ หลังราคาข้าวตกต่ำใน 10 ปี

“ยรรยง” จี้รัฐบาลอนุทินเร่งแก้ราคาข้าวตกต่ำสุดในรอบ 10ปี แนะ รมว.พาณิชย์ หยุดเดินสายสร้างภาพ เรียกร้องนายกฯ ตั้ง KPI "ศุภจี" วัดความสำเร็จราคาข้าว

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2568 นายยรรยง พวงราช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงปัญหาราคาข้าวตกต่ำว่า ขณะนี้ผลผลิตข้าวโดยเฉพาะข้าวขาว ออกเกือบหมดแล้ว และข้าวหอมมะลิเริ่มทยอยออกในหลายพื้นที่เกือบร้อยละ 30 ซึ่งหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้นำชาวนา พ่อค้าข้าว และโรงสีแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ราคาข้าวเปลือกช่วงรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี คือราคาข้าวเปลือกเจ้า (ข้าวขาว 5%) ชาวนาขายได้แค่ตันละ 5,000-6,000 บาท แต่ช่วงรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ชาวนาขายได้ 9,500-11,000 บาท ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ช่วงนี้ชาวนาขายได้เพียงตันละ 10,000-11,500 บาท ช่วงรัฐบาลเศรษฐาชาวนาขายได้ถึงตันละ 15,000-16,000 บาท แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่ปรากฏว่า รัฐบาลได้เริ่มเข้ามาจัดการแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยพยุงราคาข้าวอย่างจริงจังแต่อย่างใด 

"แม้แต่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ซึ่งเป็นกลไกหลักที่รับผิดชอบ ก็ได้ข่าวว่า ยังไม่ได้แต่งตั้งเลย เห็นแต่รัฐมนตรีและผู้บริหารหน่วยงานบางท่าน ระดมออกข่าวว่า รัฐบาลได้ออกมาตรการ 4-5 อย่างเพื่อพยุงราคาข้าว เช่น ให้สหกรณ์การเกษตร ธกส. อตก.และ อคส.ออกไปรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคานำตลาด ทั่วทุกพื้นที่ประมาณ 4 ล้านตัน รวมทั้งมาตรการอื่น ๆ เช่น ชดเชยอัตราค่าดอกเบี้ยให้โรงสี หรือพ่อค้าข้าว ที่รับซื้อข้าวจากชาวนาในราคานำตลาด แต่ไม่ปรากฏว่า ได้มีการดำเนินการดังกล่าว เพราะไม่ปรากฏว่า ชาวนาสามารถขายข้าวได้ในราคาสูงขึ้นแต่อย่างใด เห็นแต่ราคาข้าวไหลลงทุกวัน" นายยรรยง กล่าว
 

นายยรรยง ยังเห็นว่า นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังมัวแต่ไปสร้างภาพโชว์ฝีมือนักขายระดับโลก ออกข่าวว่า สามารถขายข้าวล็อตใหญ่ให้จีนได้ถึง 500,000 ตัน คนในวงการเขาดูออกว่า รัฐบาลเล่นปาหี่หรือไม่ เพราะไม่เห็นมีสัญญาณว่า จีนต้องการจะซื้อข้าวชนิดใด ราคาเท่าไร จำนวนกี่ตัน ข้าวที่ซื้อขายจะเอามาจากไหน ส่งมอบที่ไหนเมื่อใด หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ คาดว่า ถ้ารัฐบาลไทยและจีน ได้บรรลุข้อตกลงกันได้จริง ตามที่พยายามพาดหัวข่าวอวดผลงาน ก็น่าจะทำให้ราคาข้าวกระเตื้องขึ้นบ้าง แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม

นายยรรยง ระบุว่า ผู้เกี่ยวข้องในวงการข้าวส่วนใหญ่ คาดการณ์ว่า ปีนี้ชาวนาส่วนใหญ่ น่าจะเก็บเกี่ยวข้าวไปหมดเกลี้ยงในราคาตํ่าแบบขาดทุนตันละหลายพันบาทไปก่อนที่รัฐบาล จะสามารถขายข้าวล็อตใหญ่ส่งออกไปจีนหรือประเทศอื่น ๆ ได้และรัฐบาลสามารถขับเคลื่อนนโยบายพยุงราคาข้าวอย่างจริงจัง ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกผิดหวังในรัฐบาลอนุทิน ที่อ้างว่า จะทำงานเร็ว มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจพื้นฐาน แม้จะมีเวลาทำงานค่อนข้างสั้น

แต่ในความเป็นจริง รัฐบาลอนุทินยังไม่ได้ลงมือสร้างผลงาน หรือแก้ไขปัญหาให้ชาวนาเลย ทั้ง ๆ ที่มีเสียงเตือนจากนายกสมาคมชาวนา และแกนนำชาวนาหลายจังหวัด ตั้งแต่วันแรก ๆ ที่รัฐบาลอนุทินเข้ามาบริหารประเทศแล้ว

นายยรรยง เห็นว่า เท่าที่ได้ติดตามดูผลงาน ก็เห็นแต่นางศุภจี ไปเปิดงานขายปุ๋ยธงเขียวราคาถูก แถวศรีสะเกษ อุบลฯ สุรินทร์ ก็ไม่น่าตอบโจทย์ชาวนาได้ เพราะผ่านฤดูเพาะปลูกไปเกือบ 2-3 เดือนแล้ว

นายยรรยง ยังขอให้นายอนุทินไปติดตามดูผลงานของนางศุภจี โดยใช้ตัวชี้วัด หรือ KPI ที่นางศุภจีเคยพูดในสภาอย่างมั่นใจ คือ ราคาข้าวเปลือกที่ชาวนาขายได้จริง และราคาส่งออกข้าวและปริมาณการส่งออกข้าวในช่วงของรัฐบาลนี้ ถ้านายอนุทินใจกว้างจริง ก็ลองไปรับฟังเสียงของชาวนาซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ด้วยว่า ปีนี้ได้กำไรหรือขาดทุนมากน้อยเพียงใด และชาวนาสามารถขายข้าวให้หน่วยงานต่าง ๆ จริงหรือไม่ และได้รับประโยชน์จากมาตรการพยุงราคาที่รัฐบาลโหมโฆษณาหาเสียงกับชาวนาอยู่ในช่วงนี้จริงหรือไม่

"ผมเองไม่แน่ใจว่าท่านนายกฯ จะยอมรับความจริงได้ว่า รัฐบาลอนุทินเป็นรัฐบาลที่ทำให้ราคาข้าวตกต่ำที่สุดและทำให้ชาวนามีหนี้สินเพิ่มขึ้นมากที่สุดยิ่งกว่ารัฐบาลชุดใดๆที่ผ่านมาทั้งหมด" นายยรรยง กล่าว