โค้งสุดท้ายปั่นคะแนน 3 ก๊ก ปลดล็อกดีล‘ฝ่ายค้ำ-ฝ่ายแค้น’?

โค้งสุดท้ายปั่นคะแนน 3 ก๊ก ปลดล็อกดีล‘ฝ่ายค้ำ-ฝ่ายแค้น’?

จับตาเกมปั่นกระแสฉุดรั้งคะแนนนิยมในหมู่พรรคการเมือง 3 ค่าย “พรรคประชาชน-พรรคภูมิใจไทย-พรรคเพื่อไทย” ก่อนไปถึงวันยุบสภา

KEY

POINTS

  • การเมือง "สามก๊ก" พรรคเพื่อไทย-พรรคประชาชน-พรรคภูมิใจไทย ช่วงชิงคะแนนนิยมและดิสเครดิตกันช่วงโค้งสุดท้ายก่อนยุบสภา เลือกตั้งใหญ่
  • พรรคประชาชนชูแคมเปญ "มีเรา ไม่มีเทา" แต่ถูกมองจากพรรคเพื่อไทยในทำนองไม่กล้าตรวจสอบพรรคภูมิใจไทยผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
  • ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีผลต่อดีลที่ค่ายสีส้มทำไว้กับค่ายสีน้ำเงิน หากเล่นบทแตกหักกัน อาจทำให้เกมการแก้ไขรัฐธรรมนูญแท้งได้ และยังถูกมองว่าเป็นดีลผลไม้พิษ
  • "พรรคกล้าธรรม" ถูกพรรคประชาชนจับมาขึงด้วยบาดแผลที่ถูกโจมตีอย่างหนัก อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ "มีเรา ไม่มีเทา" 

แวดวงการเมืองในซีกฝ่ายค้าน เป็นที่รู้กันว่า แยกกันเดินระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคประชาชน” แม้จะเคยร่วมงานพรรคร่วมฝ่ายค้านกันในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาปี 2562-2566 ก็ตาม

ด้วยสภาพการแย่งชิงฐานเสียง แต้มนิยมทางการเมือง “ค่ายแดง” ต้องการเป็นเบอร์หนึ่ง ในยุทธจักรสนามเลือกตั้งทั่วไป ฉะนั้น การชิงแต้มจากค่ายสีส้ม จึงมีมาโดยตลอดตั้งแต่ปลาย“รัฐบาลลุงตู่” จนถึงหลังการเลือกตั้งใหญ่ปี 2566

แคมเปญ “มีลุง ไม่มีเรา” ถูกพรรคก้าวไกลจุดพลุอย่างหนัก ในระหว่างการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายเมื่อปี 2566 เขย่าจนสั่นสะเทือนฐานเสียงพรรคเพื่อไทย ลดเหลือ 10 กว่าล้านเสียง ขณะที่พรรคสีส้ม ขึ้นมายืนเบอร์หนึ่ง 14 ล้านเสียง

กระทั่งเกิดดีล “ผลไม้พิษ” เรียกขานกันในหมู่นักการเมืองปีกเพื่อไทย จากกรณี “พรรคประชาชน” ร่วมดีล MOA แก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภาไม่เกิน 31 ม.ค. 2569 ทำคลอด “อนุทิน ชาญวีรกูล”เป็นนายกฯ คนที่ 32 ขัดตาทัพระหว่างรอการเลือกตั้งใหญ่

โค้งสุดท้ายปั่นคะแนน 3 ก๊ก ปลดล็อกดีล‘ฝ่ายค้ำ-ฝ่ายแค้น’?

นักเลือกตั้งและคีย์แมนในปีกพรรคเพื่อไทย จึงไม่ร่วมสังฆกรรมการเป็นฝ่ายค้านกับแกนนำอย่างพรรคประชาชน เพราะเห็นว่าเป็นการทำให้ระบบรัฐสภาบิดเบี้ยว ที่สำคัญเสมือนเป็นรัฐประหารเงียบด้วยการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

หลายช็อตของการวางหมากทางการเมืองของพรรคประชาชน ระยะหลังในห้วงเวลาครึ่งทางของการยุบสภาภายใน 4 เดือน

จังหวะการออกหน้าออกหมัดของ “พรรคประชาชน” พุ่งเป้าขย่ม “พรรคกล้าธรรม” เป็นพิเศษ โดยใช้ยุทธการโหมกระแสเลือกตั้งเบื้องต้นก่อนยุบสภาว่า “มีเรา ไม่มีเทา”

มีการอ่านเกมว่า พรรคประชาชนเลี่ยงการพุ่งเป้าโจมตีพรรคภูมิใจไทยโดยตรง เพราะด้วยสัญญาใจดีลพิเศษ จำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ลุล่วง 3 วาระก่อนยุบสภาเพื่อปูทางมี สสร.มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่

เพราะด้วยพรรคภูมิใจไทยสามารถคุมเกมไปที่ สว.ไม่ต่ำ 130 เสียง หากค่ายสีส้มเดินหมากพลาดไม่เล่นเกม “ไร้มิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร” อาจทำให้ “เกมใหญ่” ของพรรคประชาชนเสียของได้

นักเลือกตั้งในซีกฝ่ายค้านจึงมองว่า พรรคประชาชนจะเล่นเกมหนัก ปั่นกระแสผ่านโซเชียลฯ ทั้งแอร์วอร์ และออนกราวด์เป็นระยะต่อเนื่องไปจนถึงยุบสภา

โค้งสุดท้ายปั่นคะแนน 3 ก๊ก ปลดล็อกดีล‘ฝ่ายค้ำ-ฝ่ายแค้น’?

โดยใช้ “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ และ “รักชนก ศรีนอก”สส.กทม. เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน กระแทกไปที่กล่องดวงใจพรรคผู้กอง ซึ่งถูกมองว่า ตัวผู้นำพรรคมีบาดแผลมาเป็นทุนเดิม และนักเลือกตั้งในพรรคถูกครหาพัวพันธุรกิจสีเทา

ดาบแรก “ไอซ์ รักชนก” สามารถกระแทก “กัน จอมพลัง” ให้สะเทือนถึงผู้นำจิตวิญญาณพรรคกล้าธรรมมาแล้ว

ดาบสองต่อเนื่อง “รังสิมันต์” ยังคงเดินหน้าเปิดฉากถล่มตรวจสอบต่อเนื่องไปที่เครือข่ายสแกมเมอร์-เครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ โดยปูดว่ามี 43 ชื่อที่อาจมีส่วนพัวพันและถูกแบล็กลิสต์ในการเข้าประเทศไทย พร้อมทั้งขึงชื่อ “เบน สมิธ” มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นผู้มีอิทธิพลเกี่ยวกับสแกมเมอร์ในกัมพูชา

ดาบสาม ฟาดต่อด้วย “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ ออกโรงตีไปที่ “พรรคเพื่อไทย”จับมือกับทุนสีเทายึดประเทศ โดยตอบโต้ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาดิสเครดิตพรรคประชาชนร่วมจัดตั้งรัฐบาลทุนสีเทา

“เทาของเรา คือในเรื่องของสิ่งผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะจะเป็นการค้ามนุษย์ ยาเสพติด สแกมเมอร์การหลอกลวงออนไลน์ ผมเรียกว่าธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ที่เราคิดว่าเงินสกปรกเหล่านี้” วิโรจน์ ขยายนิยามแคมเปญ “มีเรา ไม่มีเทา”

“วิโรจน์” เรียกร้องให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายเลยว่า “มีเพื่อไทย มีเทาแน่นอน” เพื่อให้ประชาชนเลือกว่าถ้าเลือกเพื่อไทย ก็จะเจอทุนเทายึดประเทศ เข้ามาทำลายธุรกิจไทย เข้ามาสร้างนักการเมืองสีเทา ข้าราชการสีเทา และบ่อนทำลายประเทศ ถ้าชอบแบบนี้ก็เลือกเพื่อไทย

โค้งสุดท้ายปั่นคะแนน 3 ก๊ก ปลดล็อกดีล‘ฝ่ายค้ำ-ฝ่ายแค้น’?

เกมของพรรคประชาชน ยังถูกมองว่า เลือกวางบทบาทฝ่ายค้านที่ไม่ชกเต็มหมัด หรือตรวจสอบพรรคภูมิใจไทยไม่มากนัก เห็นได้จากอาการแทงกั๊ก จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอนุทิน หรือไม่ เพราะเกมนี้ หากยื่นโดยมีชื่อนายกฯ หนู ย่อมมีผลโดยตรง ต่อดีลแก้ไขรัฐธรรมนญอย่างเลี่ยงไม่ได้

ขณะเดียวกัน ยังมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างในหมู่พรรคฝ่ายค้าน ทำนองว่า พรรคประชาชนซุ่มยกร่างญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจไว้แล้ว โดยให้ สส.ของพรรคเซ็นชื่อครบถ้วน แต่ยังปกปิดการยื่นซักฟอกเอาไว้ ทำให้ถูกมองว่าเกมนี้ พรรคประชาชนอาจไม่ซักฟอกนายกฯหนูโดยตรง แต่เลี่ยงไปชำแหละคุณสมบัติรัฐมนตรีเบอร์ใหญ่ของพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคแทน

อีกทั้งพรรคประชาชน ยังเลี่ยงพุ่งเป้า ขึงชื่อ “ไชยชนก ชิดชอบ” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ในฐานะ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่กำลังถูกตรวจสอบ กรณีมีเครือข่ายสแกมเมอร์เสนอสินบน 40 ล้านบาทต่อเดือน เพื่อแลกกับการไม่ปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งข้อเท็จจริงยังคงต้องรอการพิสูจน์และตรวจสอบต่อไป

ในขณะที่พรรคเพื่อไทย ขีดเส้นให้ “อนุทิน” เร่งปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ภายใน 1 เดือน หลังจากรัฐบาลประกาศให้การแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ และการหลอกลวงออนไลน์เป็น “วาระแห่งชาติ”

ท่าทีของรัฐบาลอนุทิน ผ่านกลไกกระทรวงการต่างประเทศ โดยแจ้งต่อทูตทั่วโลกว่า ไทยจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติในปลายปีนี้

โค้งสุดท้ายปั่นคะแนน 3 ก๊ก ปลดล็อกดีล‘ฝ่ายค้ำ-ฝ่ายแค้น’?

กระทั่งล่าสุด แรงกดดันรัฐบาลที่มาจากทุกทิศทุกทาง ทำให้นายกฯอนุทิน แอ็กชั่น ตั้งกรรมการชุดต่างๆ และบูรณาการ 15 หน่วยงาน ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2568

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่รัฐบาลพรรคสีน้ำเงินกำลังถูกฉุดความนิยมในการเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ สแกมเมอร์

โค้งสุดท้ายปั่นคะแนน 3 ก๊ก ปลดล็อกดีล‘ฝ่ายค้ำ-ฝ่ายแค้น’?

ก็มีอีกปมร้อนที่ฉุดแต้มนิยมของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน จากกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. รับไต่สวน ครม.เศรษฐา ทวีสิน กรณีโยกงบประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาทจากสถาบันการเงินของรัฐไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแจกหมื่น ซึ่งในรัฐบาลเศรษฐามีรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยรวมอยู่ด้วย

คดีนี้ถูกจับจ้องว่า อาจกลายเป็นเครื่องผูกมัด ต่อรอง ไม่ให้พรรคเพื่อไทยขยับหมากสร้างคะแนนนิยมได้เหนือว่าพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทยในสมรภูมิเลือกตั้งใหญ่

สมรภูมิการเมืองสามก๊ก ระอุคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อค่ายแดงถูกเซาะกร่อนความนิยม จากปมคลิปเสียงแพทองธาร-ฮุน เซน จนลามต่อมาถึงคดีโยกงบฯ เงินหมื่น

โค้งสุดท้ายปั่นคะแนน 3 ก๊ก ปลดล็อกดีล‘ฝ่ายค้ำ-ฝ่ายแค้น’?

ขณะที่ค่ายน้ำเงินกำลังเผชิญกระแสวิกฤติศรัทธา จากความชอบธรรมของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งถูกเปิดแผลเรื่องการแก้ปัญหาทุนสีเทา 

ส่วนค่ายสีส้ม ถูกดิสเครดิตว่า เปิดดีลผลไม้พิษ ทิ้งการร่วมรัฐบาลเพื่อให้อนุทินเป็นนายกฯ ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และถูกมองว่าการเลี่ยงพุ่งเป้าตรวจสอบพรรคภูมิใจไทยอย่างจริงจัง จนเริ่มถูกมองข้ามช็อตว่า จะเป็น “Grand Compromise” หรือประนีประนอมครั้งใหญ่ครั้งใหญ่ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับภูมิใจไทย หลังการเลือกตั้ง 2569 หรือไม่

การเมืองระหว่าง"สามก๊ก" กำลังถูกทดสอบอย่างหนัก เมื่อแต่ละฝ่ายมีเงื่อนไข ให้ต้องเล่นหลายบท ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายค้ำ ฝ่ายแค้น ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับว่าก๊กใดจะแก้เกมฉุดกระแส และปั่นคะแนนเพิ่มในโค้งสุดท้ายก่อนไปเลือกตั้งได้มากกว่ากัน โดยไม่สนดีลใดๆ    

ชั่วโมงนี้คอการเมืองจึงเห็น เกมตัดคะแนนนิยมระหว่าง 3 ขั้ว ซึ่งจะยิ่งดุเดือดขึ้น เมื่อเข้าสู่โหมดนับถอยหลัง 1 เดือนยุบสภา