ทิ้ง‘บ้านใหญ่’ สู่พรรคกระแส โจทย์หิน‘อภิสิทธิ์’ ฟื้น ปชป.

หลังจากนี้ ต้องจับตากลยุทธของ “อภิสิทธิ์ - ประชาธิปัตย์” เดินเกมในทิศทางใด เพราะเมื่อเลือกทิ้งการเมืองแบบ “บ้านใหญ่” เดิมพันเดียวที่ต้องทำ คือ เดินหน้าสู่พรรคกระแส ปลุกขั้วสีฟ้าให้กลับมาไม่น้อยกว่าเดิม
KEY
POINTS
- พรรคประชาธิปัตย์เผชิญวิกฤต เมื่อกลุ่มการเมือง "บ้านใหญ่" หลายกลุ่ม นำโดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และนายเดชอิศม์ ขาวทอง ทยอยลาออกจากพรรค
- การสูญเสียฐานเสียง "บ้านใหญ่" ทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์พรรคไปสู่การเป็น "พรรคกระแส" เพื่อสร้างความนิยมขึ้นมาใหม่
- โจทย์ท้าทายสำคัญของนายอภิสิทธิ์ คือการแข่งขันกับ "กระแสสีส้ม" ของพรรคประชาชน ซึ่งครองความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นหลัก
- การฟื้นฟูพรรคยังเผชิญอุปสรรคจากจุดยืนทางการเมืองที่ไม่ชัดเจนของนายอภิสิทธิ์ และประเด็นในอดีตที่ถูกนำมาใช้โจมตีทางการเมือง
ภารกิจกลับมากอบกู้ศรัทธา “พรรคประชาธิปัตย์” ของ “หัวหน้ามาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อาจไม่ง่ายอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ เนื่องจากบริบททางการเมืองเปลี่ยนแปลงจากวันเก่าก่อน
แนวทางการเมืองยุคนี้ มีเพียง 2 ทางเลือก 1.การเมืองบ้านใหญ่ ใช้เครือข่ายท้องถิ่นในการขับเคลื่อน มีฐานเสียงค่อนข้างเหนียวแน่น บรรดา “บ้านใหญ่” มีความเชี่ยวชาญในพื้นที่รับผิดชอบ สามารถเปลี่ยนทรัพยากรให้เป็นคะแนนเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.การเมืองกระแส ซึ่งต้องเสนอนโยบายที่ประชาชนตอบรับ มีจุดยืนทางการเมืองที่เข้มแข็ง จนได้รับความเชื่อมั่น ซึ่งกระแสนิยมยังอยู่ที่ “พรรคประชาชน” ส่วนพรรคการเมืองอื่นเฉลี่ยกันไป
ทว่า พรรคประชาธิปัตย์ยุคหัวหน้ามาร์ครีเทิร์น ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะยึดแนวทางการเมืองในแบบใด แม้พยายามขายจุดเด่นของ “อภิสิทธิ์” ที่ยึดมั่นคำพูด รักษาสัจจะทางการเมือง แต่การตอบรับยังไม่ผลิดอกออกผลเท่าที่ควร
ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของ “กลุ่มบ้านใหญ่” ทยอยโบกมือลาพรรคสีฟ้า ย้ายไปซบพรรคสีน้ำเงิน-พรรคสีเขียว เพื่อหาโอกาสต่อยอดทางการเมือง
ล่าสุด “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ “นายกชาย”เดชอิศม์ ขาวทอง อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรค เตรียมนำทีม สส.ในสังกัด ย้ายเข้าร่วมงานกับ “พรรคกล้าธรรม” ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กุมบังเหียนอยู่
ทีม“เฉลิมชัย-เดชอิศม์” มี สส.ภายใต้การดูแล ประกอบด้วย ประมวล พงศ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ จักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบคีรีขันธ์
เดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา สุภาพร กำเนิดผล สส.สงขลา ศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง สส.สงขลา พล.ต.ต. สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา สุพัชรี ธรรมเพชร สส.พัทลุง
ยุทธการ รัตนมาศ สส.นครศรีธรรมราช ยูนัยดี วาบา สส.ปัตตานี ชาตรี หล้าพรหม สส.สกลนคร วุฒิพงษ์ นามบุตร สส.อุบลราชธานี
ต้องยอมรับว่า “ทีมเฉลิมชัย” เป็น สส. แบบฉบับ “บ้านใหญ่” สามารถบริหารจัดการคะแนนเสียงได้ เกือบทุกคนแทบจะการันตีเก้าอี้ สส.
นอกจากนี้ “โกหนอ” สมชาย โล่สถาพรพิพิธ หอบลูกทีมเมืองตรัง ซบพรรคภูมิใจไทย ภายหลัง “อภิสิทธิ์” เลือกให้คู่แค้นอย่าง “สาธิต วงศ์หนองเตย” เข้ามาบริหารงานในพรรคประชาธิปัตย์
ภายหลัง “บ้านใหญ่” เคลื่อนออกจาก “พรรคสีฟ้า” มีเพียง “บ้านใหญ่เดชเดโช” ภายใต้การนำของ “สส.แทน” ชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช เพียงเท่านั้น ที่ยังมีศักยภาพกวาด สส.เข้าพรรคได้
เมื่อเลือกทิ้ง “บ้านใหญ่” จึงเป็นไฟต์บังคับให้“อภิสิทธิ์” ขับเคลื่อนงานการเมืองของ “พรรคประชาธิปัตย์” โดยจะยึดแนว “พรรคกระแส” จึงต้องจับตาว่าจะสามารถฟื้นความนิยม ปชป.ให้กลับมาได้หรือไม่
โดยเฉพาะโจทย์ใหญ่ของ “อภิสิทธิ์- ประชาธิปัตย์” คือการสู้กับ “กระแสสีส้ม” อย่าง “พรรคประชาชน” ซึ่งยังยืนหนึ่งในใจของ “แฟนคลับรุ่นใหม่” ที่ต้องการให้มีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศ
เมื่อต้องชิงแต้มจาก “กระแสสีส้ม” ด้วยการปั้น “กระแสสีฟ้า” จึงอยู่ที่ “อภิสิทธิ์” จะกล้าไต่เพดานมากน้อยเพียงใด เพราะหากแนวนโยบายทำไม่ถึง โอกาส ปชป.ฟื้น ยากแน่นอน
ขณะเดียวกัน ยังมีแนวต้านที่พยายามปั่นเรื่องในอดีต มาดิสเครดิต “อภิสิทธิ์” โดยเฉพาะตราบาปสลายการชุมนุม “คนเสื้อแดง” เมื่อปี 2553 ที่เพิ่งมีปรากฎการณ์ กลุ่มนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวหาเขา ซึ่งก็ต้องลุ้นความนิยมจาก“คนรุ่นใหม่”
ที่สำคัญหากประเมินกันว่าแต้มของ “อภิสิทธิ์” อยู่ใน"ขั้วอนุรักษนิยม" หรือ"ขั้วเสรีนิยม" ก็ยังไม่มีความชัดเจนมากพอ ดังนั้นแนวโน้มของการตัดสินใจเลือก “พรรคประชาธิปัตย์” อาจมีคำถามคาใจในสังคม
หลังจากนี้ ต้องจับตากลยุทธของ “อภิสิทธิ์ - ประชาธิปัตย์” เดินเกมในทิศทางใด เพราะเมื่อเลือกทิ้งการเมืองแบบ “บ้านใหญ่” เดิมพันเดียวที่ต้องทำ คือ เดินหน้าสู่พรรคกระแส ปลุกขั้วสีฟ้าให้กลับมาไม่น้อยกว่าเดิม







