ป.ป.ช.ขีด 30 วันทุกหน่วยแจง หลัง ครม.รับลูกป้องปรามโกงที่ ส.ป.ก.

ป.ป.ช.ขีด 30 วันทุกหน่วยแจง หลัง ครม.รับลูกป้องปรามโกงที่ ส.ป.ก.

ครม.รับทราบข้อเสนอแนะ ป.ป.ช.ป้องกันการทุจริต ปมจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อประกอบกิจการอื่น สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานความคืบหน้าใน 30 วัน

KEY

POINTS

  • คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. เพื่อป้องกันการทุจริตในการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. สำหรับกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร
  • มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลัก ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาหาข้อยุติ
  • กำหนดให้กระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสรุปผลและรายงานความคืบหน้าให้ ครม. ทราบภายใน 30 วัน
  • ข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. มีขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการใช้ที่ดิน ส.ป.ก. ที่อาจไม่ตรงตามวัตถุประสงค์เพื่อเกษตรกร และอาจเอื้อประโยชน์ให้นายทุน

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า วานนี้ (4 พ.ย.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตกรณีการจัดสรรที่ดินเพื่อประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอ

โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เป็นหน่วยงานหลัก พิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อยุติ พร้อมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์สรุปผลการพิจารณาและรายงานความคืบหน้าไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

ทั้งนี้ การศึกษาเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องมาจากปรากฏข่าวตามสื่อมวลชนเกี่ยวกับการออกประกาศคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เรื่อง รายการกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ถึงประเด็นการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ให้แก่กิจการต่าง ๆ ที่มีความหลากหลาย และอาจไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม รวมถึงอาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุนเข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ส.ป.ก. มากขึ้น

ประกอบกับมีเรื่องกล่าวหาร้องเรียนเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติงานในการปฏิรูปที่ดินมายังสำนักงาน ป.ป.ช. จำนวนมากคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้ศึกษาประเด็นดังกล่าว เพื่อจัดทำมาตรการ หรือข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต ตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 โดยมีการศึกษากระบวนการและประเภทของกิจการที่เข้าข่ายเป็นกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หลักเกณฑ์เบื้องต้นในการจัดสรรที่ดินของ ส.ป.ก. เพื่อดำเนินกิจการที่เป็นการสนับสนุน หรือเกี่ยวเนื่องฯ ขั้นตอนและกระบวนการในการพิจารณาอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของ ส.ป.ก.

การเปลี่ยนแปลงหรือการโอนสิทธิ์ไปเป็นผู้อื่นหลังจากการได้รับอนุญาต การเปลี่ยนแปลงประเภทกิจการภายหลังจากการได้รับอนุญาต การตรวจสอบ ติดตาม การใช้ที่ดิน ตลอดจนคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ซึ่งได้วางหลักไว้ว่า การจัดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินให้บุคคลใดเช่า เพื่อกิจการอื่น กิจการนั้นจะต้องสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับวัตถุประสงค์ของการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินดังกล่าวได้รับประโยชน์จากกิจการนั้นโดยตรง

ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีข้อเสนอแนะไปยังคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสิ้น 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านนโยบาย 2) ด้านกฎหมาย 3) ด้านบริหารจัดการ และ 4) ด้านประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณามอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในประเด็นต่าง ๆ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติพิจารณาถึงความเป็นไปได้และแนวทางในการบริหารจัดการที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินบางส่วนซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะกับการทำการเกษตรหรือประกอบกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้เปลี่ยนเป็นที่ดินของรัฐประเภทอื่นที่มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ต่อไป

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำประโยชน์กิจการที่ได้รับอนุญาตไปแล้ว เนื่องจาก อปท. มีส่วนได้เสียในการจัดเก็บรายได้จากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและภาษี ค่าธรรมเนียมท้องถิ่นอื่น ๆ จากผู้ประกอบกิจการในพื้นที่ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรปรับปรุงแก้ไขระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวกับ “ประโยชน์ที่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินจะได้รับ” ควรยึดโยงว่าเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรโดยตรงอย่างเคร่งครัด ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 และแนวคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด หมายเลขคดีแดงที่ อ.1728/2559 เพื่อประโยชน์ของเกษตรกรเป็นหลัก

สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรมีการนำเทคโนโลยีมาใช้และพัฒนาระบบฐานข้อมูลของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อให้ได้ทราบถึงข้อมูลผู้เข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ให้มีประสิทธิภาพและตรวจสอบความถูกต้องได้อย่างเป็นปัจจุบัน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรพิจารณากำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงประเภท ขนาด และเงินลงทุนของกิจการในการอนุญาตให้ใช้ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามกฎหมายเดิม มิเช่นนั้นอาจต้องมีเหตุผลสนับสนุนที่มากพอในการยกเลิกการกำหนด ระยะเวลาในการเช่าหรือการเข้าทำประโยชน์ของเอกชนที่เคยปฏิบัติ 

สำนักงาน ป.ป.ช. ระบุว่า หากมีความคืบหน้าการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณี การจัดสรรที่ดินเพื่อประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม สำนักงาน ป.ป.ช. จะได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป