ชักธงสงบศึก 2 บ้าน ‘มังกรเฮ้ง’ สุชาติ ชมกลิ่น 'ภูมิใจชล'

"สุชาติ ชมกลิ่น" หัวหน้ากลุ่ม 16 สส. ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงอนาคตทางการเมืองหลังตัดสินใจร่วมงานกับ "พรรคภูมิใจไทย" ตั้งเป้าทำการเมืองสงบศึกขัดแย้งงระหว่าง 2 บ้านชลบุรี
KEY
POINTS
- "สุชาติ ชมกลิ่น" ประกาศยุติความขัดแย้งทางการเมืองใน จ.ชลบุรี ระหว่างกลุ่ม “บ้านใหม่” ของตนเองกับ “บ้านใหญ่” ตระกูลคุณปลื้ม
- เลือกตั้งใหญ่ปี 2566 คะแนน สส. 2 บ้านใหญ่ตัดแต้มกันเอง จนส่งผลให้ทั้งสองฝ่าย พ่ายแพ้ให้กับพรรคก้าวไกล 7 เขต จาก 10 เขต
- "สุชาติ" นำทีม "พลังใหม่" ตัดสินใจร่วมงานกับ "ภูมิใจไทย" เพราะด้วยความสัมพันธ์ที่มากกว่าคำว่า "พี่น้อง" กับ "อนุทิน ชาญวีรกูล"
- ถอดรหัส การเมือง จ.ชลบุรี ผ่าน "สุชาติ" ถ้าการเมืองระดับใหญ่ไม่ทะเลาะกัน การเมืองท้องถิ่นก็จะสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้
“สุชาติ ชมกลิ่น” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัดสินใจเดินออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่หมดสิ้นความเป็นดีเอ็นเอ “ลุงตู่” พร้อมกับ “ธนกร วังบุญคงชนะ” รมว.อุตสาหกรรม โดยชิงนำลาออก สส.บัญชีรายชื่อ ด้วยกันทั้งคู่ หลังนำ สส.ในกลุ่มโหวตเห็นชอบ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32
ด้วยเหตุผลเพียงเพราะ “อนุทิน” คือชื่อที่ตัวเองรู้จัก และเข้าหาได้มากกว่า “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯ คนสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย
“สุชาติ” พร้อม “ธนกร” นำทีมสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยก่อนเพื่อน สส.ในกลุ่ม 16 เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2568 “สุชาติ” ประกาศต่อหน้านายกฯ อนุทิน ว่า “ตอนนี้เหมือนกลับมา ครั้งแรกในชีวิตนะครับ เป็นสมาชิกพรรคการเมือง คือ พรรคภูมิใจไทย วันนั้นผมใช้สโลแกน ภูมิใจชล ภูมิใจไทย เดี๋ยวคงต้องกลับไปใช้เหมือนเดิม”
“สุชาติ” เปิดสำนักงานส่วนตัวภายใน จ.ชลบุรี ให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงเหตุผลที่ต้องร่วมหัวจมท้ายกับ “อนุทิน” และพรรคภูมิใจไทย แม้จะมีโรดแมปนับถอยหลังยุบสภาใน 4 เดือน คือไม่เกิน 31 ม.ค. 2569
“เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2568 (วันที่แพทองธาร ชินวัตร พ้นนายกฯ) ผมไปคนแรกเลย 16 คน ศาลรัฐธรรมนูญอ่านจบ ผมไปเลย ไปแสดงตัวชัดเจนว่า พี่ไปด้วยกัน แพ้เป็นแพ้ ชนะ เป็นชนะ การเมืองไม่แพ้ชนะโดยเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ แต่การเมืองมีการใช้เอกสิทธิ์ได้วันนั้น เอกสิทธิ์ของผม ผมก็มีเอกสิทธิ์ที่จะช่วยผมที่ผมคิดว่าดีที่สุุดในวันนี้”
ถึงแพ้ต้องโหวตนายกฯ อนุทิน
“สุชาติ” อธิบายต่อว่า “ถ้าให้ผมเลือกระหว่างแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยกับท่านอนุทิน ท่านอนุทินบ้านผมอยู่ติดกัน บ้านอยู่ติดกัน ไปดื่มกินกันไม่รู้กี่รอบแล้ว แล้วถ้าเกิดเลือกตั้งมาโหวตมา ผมไม่โหวตให้เขา ผมจะตอบสังคม ตอบตัวเองยังไง”
"ทำไมผมต้องมาช่วยเทคะแนนโหวตให้ท่านอนุทิน แต่เป็นเรื่องของคนมีสัจจะ มีคำพูด หนึ่ง ผมเลือกตั้งเข้ามารวมไทยสร้างชาติ ผมโหวตให้กับท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ จนท่านพ้นไปโดยศาลรัฐธรรมนูญ ผมโหวตครั้งที่สอง ก็โหวตให้กับนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ เป็นนายกฯ จนพ้นศาลรัฐธรรมนูญไป"
"แล้วครั้งที่สาม ถ้าให้ผมเลือกระหว่างแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย เขาเหลือคนเดียวท่านชัยเกษม นิติสิริ ผมไม่รู้จักเขา ข้อที่หนึ่ง สองท่านอนุทิน บ้านผมอยู่ติดกัน บ้านอยู่ติดกัน ไปดื่มกินกันไม่รู้กี่รอบแล้ว แล้วถ้าเกิดเลือกตั้งมาโหวตมา ผมไม่โหวตให้เขาเนี่ย ผมถือว่า ผมจะตอบสังคม ตอบตัวเองยังไง"
ด้วยความที่ผูกพันกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกฯ เพราะเป็นผู้มีพระคุณแต่งตั้ง “สุชาติ” นั่ง รมว.แรงงานเมื่อปี 2563 ทำให้ “สุชาติ”ยอมรับว่า “ผมหนักใจสุุด มีคนบอกว่า เดี๋ยวเขาเสนอลุงตู่ขึ้นมาทำไง นี่แหละผมคือ กลัวที่สุด”
เมื่อการเมืองเปลี่ยนบริบท “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นองคมนตรีแล้ว หลายครั้งที่ “พี่หนู” มักแซว “น้องเฮ้ง” อยู่เสมอว่า “ลุงตู่ไม่อยู่แล้วนะ เอาไง เฮ้งมาช่วยพี่ได้แล้ว”
ความสนิทของ "สุชาติ" กับ "อนุทิน" ก่อตัวขึ้น ต้องย้อนไปสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อครั้งที่ "อนุทิน"เป็นรองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ส่วน "สุชาติ" เป็น รมว.แรงงาน ทั้งสองร่วมกันทำงานคู่กันตั้งแต่ต่อสู้กับโรคโควิด-19
"แล้วพี่เขาเจอเราทุกครั้ง ตอนสมัยลุงตู่บอกว่า ตั้งแต่ปี 2566 จะเอาเราไปอยู่ทีแล้ว แต่ไม่ได้พี่ ผมก็ชี้ไปที่ลุงตู่อ่ะ ผมยังอยู่คนนี้อยู่ คือผมอยู่กับคนไหนก็อยู่กับคนนั้น เขาบอกอยากได้ผมมาช่วยเหลือกัน ผมก็บอกต้องขอคนนั้นอ่ะ"
"แล้ววันนี้เกิดลุงตู่ไม่อยู่แล้ว พี่หนูก็แซวผมกลับ ลุงตู่ไม่อยู่แล้วนะ เอาไง เฮ้งมาช่วยพี่ได้แล้ว เป็นสิ่งที่เราเคยพูดไว้"
เมื่อถามว่า นายกฯ อนุทิน ตามจีบท่านตลอดใช่หรือไม่ “สุชาติ” ออกตัวว่า อย่าใช้ว่า ตามจีบ ใช้คำว่า เป็นพี่ เป็นน้องกันดีกว่า เราใจ คนนักเลง
“ถึงโหวตแพ้ยังต้องโหวตเลย ผมพูดตรงๆ สมมติ ถ้าเกิดโหวตไปท่านอนุทินไม่ได้เป็นนายกฯ เราพลาด การเจ็บตัวของเราคือ เขาก็แค่ไม่ให้เราเป็น รมช.พาณิชย์”
ก๊กสุชาติ กวาด 20 สส.ขั้นต่ำ
“สุชาติ” เล่าความสัมพันธ์ สส.กลุ่ม 16 ว่า “เขามารวมไทยสร้างชาติ เพราะผมนะ ผมเป็นคนชวนเขามา ผมไปไหนก็ต้องไปกับผมอยู่แล้ว ไม่ทิ้งผมหรอก ผมเหมือนกัน เพื่อนผมอยู่กับผมทุกคน ผมไม่เคยบังคับใครนะ ผมถามทีละคนเลย จะไปต่อกับผมไหม”
“ผมไปภูมิใจไทย ไม่ไปต่อ ไม่เป็นไร ไม่โกรธกัน พื้นที่ใคร พื้นที่มัน ใครมีฐานเสียงยังไงเราไม่รู้ แต่เราต้องการเป้าหมายให้เพื่อนกลับมาเป็น สส. อย่างเกรงใจผม ผมบอกเพื่อนทุกคน อย่าเกรงใจผม ถ้าไปก็ไปด้วยกัน เพื่อความสบายใจ ไปด้วยกัน ถ้าไปกับผมแล้วหนักใจอย่าไป แต่คุณต้องเป็น สส.มาให้ได้”
หัวหน้ากลุ่ม 16 ตั้งเป้าจะต้องได้ สส.ไม่ต่ำกว่าเดิม คือ 15-16 คน ส่วนจังหวัดที่เป็นเป้าหมายต่อไปที่ “สุชาติ” ต้องการปักธงให้ได้คือ ตราด จันทบุรี ระยอง นครนายก เพชรบุรี
ขณะที่ จ.ชลบุรี ยังต้องส่งผู้สมัครให้ครบ 10 เขตเหมือนเดิม โดยจะดูตัวผู้สมัครว่าใครถนัดพื้นที่ไหนมากกว่า และใช้สรรพกำลัง อาวุธไปทุ่มเทให้พื้นที่ใครเท่านั้น
“สส. 16 คนในกลุ่มวันนี้ ที่ไปสนับสนุนท่านอนุทิน เป็นนายกฯ 16 คนมีบัญชีรายชื่อ 4 คน มีผม มีธนกร วังบุญคงชนะ มี สส.เกรียงยศ สุดลาภา แล้วมี สส.ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ แปดริ้ว สส.หลัก เขตมีแค่ 12 เขต แต่วันนี้ผมมีเพิ่มเติมใน ชลบุรี จันทบุรี ตราด ระยอง นครนายก ผมรวมแล้วน่าจะได้สัก 16-18 ละกัน 20 คน อาจจะหายไปสัก 1-2 คน เป็นเรื่องปกติ ผมมั่นใจว่า เป้าหมาย ของผมคือตามนี้”
“เรามีเมล็ดพันธุ์น้อย เราหว่านปุ๋ยไปทั่วก็ไม่ทันได้เติบโต ตายหมดอ่ะปุ๋ย เราไม่ถนัดบางพื้นที่ เราไปเราก็เหนื่อย แต่เราก็ต้องส่ง เอาเวลาไปปราศรัยทุกวัน เราจะเสียเวลาทำไม เอาเขตที่เราแข็งแรงไว้ก่อน”
มังกรน้ำเค็ม-พวกกันสำคัญเสมอ
สำหรับที่มาสโลแกน “พวกกัน...สำคัญเสมอ” ซึ่งปรากฏข้อความตัวใหญ่ในสำนักงานส่วนตัวนั้น "สุชาติ" เล่าที่มาว่า เกิดจากเพื่อนโทรมาหา ทำให้ตัวเองต้องบอก เดี๋ยวจัดการให้ แต่คนเขาเป็นห่วงเราทำไมรับปากคนง่าย เราก็ย้ำ เอ้า...พวกกันมันสำคัญเสมอที่สุด ไม่ต้องพูดเยอะแล้ว"
“พวกกันสำคัญเสมอ พวกกันเนี่ย ไม่ต้องพูดเยอะ จะรวย จะจน คือ พวกกันหมด” สุชาติกล่าวติดตลกว่า “เอางี้้ ลูกเมียยังไว้ทีหลังเลย พวกกันสำคัญกว่าลูกเมีย อันนี้เรื่องจริง”
สำหรับฉายา “มังกรน้ำเค็ม” นั้นรองนายกฯ เฮ้ง บอกว่า ตัวเองชื่อ“เฮ้ง” ชื่อเหมือนคนจีน ฉายาดังกล่าวมีสื่อมวลชนตั้งให้ บังเอิญตนอยู่ชลบุรี ก็เลยตั้งว่า “มังกร” ซึ่งสมัยก่อน มังกรเป็นพวกมีอิทธิฤทธิ์เยอะ ส่วน น้ำเค็ม เพราะบ้านผมชลบุรี ก็เลยเป็นมังกรน้ำเค็ม
"ผมเป็นคนเดียวที่ไม่ใช้ค่าใช้จ่าย ชาวบ้านเลือกผม เพราะความเป็นตัวผม"
หัวหน้ากลุ่มพลังใหม่ ยังบอกถึงสรรพคุณความเป็นตัวตนของตนเองว่า "ผมว่าเป็นสัญลักษณ์ของคนชลบุรี คนชลบุรี ถ้าเกิดเติบโตจาก สท. สจ. สส.แล้วมาเป็นรัฐมนตรี เป็นรองนายกฯ มีผมคนเดียวนะ มันเป็นสิ่งที่คนทุกคนเขาภาคภูมิใจ เขาอยากอวยพรผม ยินดีผมที่กระทรวงแต่ด้วยความที่ไม่เหมาะสมกับหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมาย"
บ้านใหญ่-บ้านใหม่สงบศึก
เมื่อถามถึงการเมืองในท้องถิ่น จ.ชลบุรี ระหว่าง “บ้านใหญ่” ตระกูลคุณปลื้ม และ “บ้านใหม่” กลุ่มพลังใหม่ของ “สุชาติ” ซึ่งการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 เปิดศึกห้ำหั่นจนพ่ายแพ้กันทั้งคู่
“ผมเกิดปี 2517 ปีนี้ 51ปีแล้ว การแข่งขันสู้รบคนรู้จักด้วยกันที่ผ่านมา มันเหนื่อย ต้องยอมรับ มันเหนื่อย และไม่มีอะไรดีขึ้น ผู้นำทั้งสองฝ่าย รู้จักกันหมด เพราะมันเกิดจากกอไผ่เดียวกันอ่ะ โตมาจากกอเดียวกัน”
“สุชาติ” ย้ำว่า “เวลาแข่งกันเอง ผู้นำอึดอัด เลือกตั้งปี 2566 ผมแข่งกันเองกับกลุ่มที่อยู่ด้วยกัน 2 คน รวมกันมีประมาณ 60,000 แต้ม แต่เราก็สู้พรรคก้าวไกลไม่ได้ตอนนั้น เพราะเราแย่งกันเอง บางทีบางบ้านเล่าให้ฟัง เลือกตั้งเรื่องจริง มี 10 คนให้เรา 5 ให้อีกฝั่งหนึ่ง 5 ไม่รู้จะเลือกใคร รักทั้งคู่”
"ครั้งนั้นเราก็ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้ แต่มันเกิดจากอารมณ์ส่วนตัวของผม หรือของเขา อะไรก็แล้วแต่ มันแพ้กันไม่ได้ มันเลยซัดกันแหลกอ่ะ"
"สุชาติ" ยังยกตัวอย่าง เขต 1 ตัวผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ 32,000-33,000 ส่วนตัวผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยได้ 28,000 รวมกันได้ 60,000 คะแนน ขณะที่ พรรคก้าวไกลได้ 30,000 กว่า 35,000-36,000 ชนะเลย ตอนเป็นหนึ่งเดียวกันหมด ตนเองมี 40,000 แต้ม ซึ่งไม่มีใครมาแบ่งแต้ม
“กลุ่ม สส.มานิตย์ ภาวสุทธิ์ เมื่อก่อนเขาอยู่ทางโน้นเขาก็แข่งกับผมหมด วันนี้เขากับผมพอกันแล้ว มันโตมาด้วยกัน ก็ไม่แข่งกันแล้ว ก็อยู่ด้วยกัน พอไม่แข่งกันแล้ว ก็ไปอยู่พรรคเดียวกันไปเลยดีกว่า มันก็ง่าย”
ถามถึง โอกาส ‘สุชาติ’ จะมาผนึกกับ “ตระกูลคุณปลื้ม”นั้น “สุชาติ” กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างชาวบ้านหรือผู้นำคิดจะเป็นสิ่งที่ดี เพราะการเมือง จ.ชลบุรี จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันหมด
"สุชาติ" แย้งว่า ไม่เชิงคำว่าเว้นพื้นที่ให้กัน ถ้าเว้นเหมือนซูเอี๋ยกัน ก็คงส่งแต่อาวุธที่เรามีทรัพยากร หรือพลังที่เรามี เวลาที่เรามีเราก็ไปน้อยหน่อย เราก็เอาเวลาอาวุธทรัพยากรที่มีไปอยู่ในพื้นที่ที่เราแข็ง
“ผมเป็นเด็ก ผมไม่มีอะไรกับใครจริง ๆ ผมพร้อมที่จะคุยกับทุกท่านผู้ใหญ่หมด ผมเด็กกว่าเขา แต่ต้องยอมรับว่าการเมืองเขามองเราแบบไหน แต่ผมไม่มีอะไรกับใคร ผมบอกตรงๆ อายุเริ่มเยอะแล้ว ผมไม่ใช่วัยรุ่นสมัยก่อน 30 กว่า มุทะลุได้หมด”
"สุชาติ" ระบุว่า "วันนี้เราคิดว่า ไหนๆ อย่าแข่งกันเลย ก็มาอยู่ด้วยกันเลยดีกว่า เป็นเพื่อนกัน ผมก็อายุเยอะแล้ว ไม่ยึดติดอะไรแล้ว เอาลูกเอาเต้ามาลงกัน แบ่งๆ กันมีที่ยืน ถ้าทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน คือประชาชน"
สั่งลูกน้องสงบศึก สองบ้านคืนดี
เหตุการณ์ในอดีตที่เป็นความบาดหมางของ 2 ฝั่งนั้น "สุชาติ" ระบุว่า ""ผมก็สั่งของผม หยุดหมดแล้ว อย่าไปยุ่ง เราเป็นเด็ก แต่ผมเจอก็ยกมือไหว้ท่านทุกคนในครอบครัวเขา ผมเจอยกมือไหว้หมด ทุกงาน"
“สุชาติ” ยกเหตุการณ์เลือกตั้งปี 2566 ที่ พรรคเพื่อไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติได้คะแนนรวมกันเกือบ 60,000 คะแนน แต่กลับพ่ายแพ้ให้พรรคก้าวไกลที่ชนะ สส.ถึง 7 เขตจาก 10 เขต
เมื่อถามว่า แสดงว่าพรรคใหญ่ต้องจับมือกันในท้องถิ่นเพื่อทำการเมืองใหญ่ "สุชาติ" ระบุว่า "การเมืองใหญ่ไม่ทะเลาะกัน ท้องถิ่นมันก็ไม่ทะเลาะกัน มันก็จะมารวมกันได้"
ผู้นำกลุ่มพลังใหม่ ยังเล่าเมื่อครั้งที่เปิดสำนักงานให้บรรดาผู้นำการเมืองท้องถิ่นแสดงความยินดีรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่า มีผู้นำแต่ละตำบลบางแห่งไม่ถูกกันมายินดีกับตน แต่มาครั้งนี้ มันจบแล้ว ศึกมันจบแล้ว
"ผมได้บอกให้ทุกคนสงบศึกกันหมด"ต่อไปนี้คือ ให้ช่วยใคร สนับสนุนใครก็กระซิบบอกหมด ให้สนับสนุนทางนี้ เราดีกันหมดแล้ว พอการเมืองใหญ่มันแข่งกัน ท้องถิ่นมันก็แข่งกันที่ผ่านมา แหลกเลย แข่งกันแหลกอีก"
“ตอนนี้สงบศึกแล้ว ไม่มีแล้ว ปล่อยเลย เราอย่าทะเลาะกันเลยอายุเยอะแล้ว ผลัดกันเป็น ผมว่า การเมืองใหญ่ไม่ทะเลาะกัน ท้องถิ่นมันก็ไม่ทะเลาะกัน มันก็จะมารวมกันได้”
ถามถึงอนาคตรัฐบาลอนุทินจะอยู่ครบ 4 เดือนหรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองก่อน 31 ม.ค. 2569 หรือไม่ “สุชาติ” ยืนยันว่า เราตั้งเป้า 4 เดือน ปลายทางสุดท้ายคือ 120 วัน 4 เดือน แต่วันนี้ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นมาก่อน มันไม่สามารถล่วงรู้ได้ เราพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่เราไม่มีเกิน 120 วันหรอก เราลูกผู้ชาย
รับปาก 4 เดือน ก็คือ 4 เดือน
ส่วน นายกฯ อนุทินจะสามารถเป็นนายกฯได้ต่ออีก 4 ปีหรือไม่ “สุชาติ” ออกตัวว่า ขออ่านเกมการเมืองเพียงแค่ทีละไตรมาสเท่านั้น โดยมองช็อต 100 วันที่เหลือว่าจะต้องเดินยังไงต่อไป ซึ่งมีภารกิจ “พวกกันสำคัญเสมอ” คือนำพาพวก และเพื่อน สหายในกลุ่มให้อยู่รอดปลอดภัยกลับมาเป็น สส. และได้ สส.เพิ่มขึ้นก่อนเท่านั้น







