เปลี่ยนรัฐบาลทุกอย่างช้าหมด! สว.สำรอง จี้ กกต.รีบสรุปคดีฮั้ว สว.

เปลี่ยนรัฐบาลทุกอย่างช้าหมด! สว.สำรอง จี้ กกต.รีบสรุปคดีฮั้ว สว.

กลุ่ม สว.สำรอง บุก กกต.อีกรอบ ทวงถามความคืบหน้า 'คดีฮั้ว สว.' ซัดตั้งอนุฯชุด 36 กว่า 2 เดือนแต่เพิ่งประชุมครั้งแรก 4 พ.ย. เผยพิรุธหลังเปลี่ยนรัฐบาล ทุกอย่างช้าหมด

KEY

POINTS

  • กลุ่ม สว.สำรอง ยื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อเรียกร้องให้เร่งรัดการพิจารณาคดีทุจริตการเลือก สว. ปี 2567
  • แสดงความกังวลว่ากระบวนการสอบสวนล่าช้าลงอย่างมากหลังการเปลี่ยนรัฐบาล และตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการประวิงเวลาโดยเจตนา
  • ตั้งข้อสงสัยว่าการถ่วงเวลาอาจเพื่อรอให้ สว. ชุดปัจจุบันเลือกกรรมการ กกต. เพิ่มอีก 2 คนในเดือนธันวาคม
  • วิจารณ์การทำงานของ กกต. ที่ปฏิเสธไม่ให้เข้าพบ แต่กลับให้การต้อนรับผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นบุคคลในรัฐบาลปัจจุบัน

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลุ่ม สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท. คำรบ ปัญญาแก้ว และนายธนวัฒน์ ศรีสุข เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง กกต.และคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งคณะที่ 36 เพื่อขอให้เร่งรัดและดำเนินการด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งในคดีทุจริตการเลือก สว. 2567 

พล.ต.ท. คำรบ กล่าวว่า ที่ผ่านมา กกต.ไม่เคยมาชี้แจง พูดคุยกับสว.สำรองเลย แต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พูดไปแล้วก็น้อยใจ เพราะผู้ถูกกล่าวหาใน คดี ฮั้วสว. ซึ่งมีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในปัจจุบัน มาที่กกต. มีทั้งประธาน ทั้งเลขา กกต.ต้อนรับขับสู้กันเอิกเกริกใหญ่โต แต่กลุ่ม สว.สำรองมาขอพบหลายครั้งก็ไม่ให้พบ อ้างว่าจะเสียความเป็นธรรม วันนี้จึงต้องมาทวงถามว่า เมื่อไหร่ กกต.จะรีบเร่งพิจารณาเรื่องนี้เสียที ซึ่งอนุฯ ชุดที่ 36 ที่แต่งตั้งจากคนของกกต.เอง  เพิ่งมาประชุมเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา จึงอยากให้เร่งรัด ไม่ต้องทอดเวลาจนครบ 90 วัน เพราะมีข้อกล่าวหาท่านว่า จะดึงเรื่อง ทอดเวลารอให้ สว.ในสภา เลือกกกต.อีก 2 คนในเดือน ธ.ค. ก่อน ตนก็ภาวนาอย่าให้คำกล่าวหานั้นเป็นจริง

ดังนั้น เมื่ออนุวินิจฉัยเสนอเรื่องไปที่ กกต.แล้วจึงไม่มีเหตุต้องประวิงเวลาไปจนครบ 90 วัน แต่หวังว่าท่านจะพิจารณาภายใน 10-15 วัน ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนจับตาดูการทำงานของ กกต. เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ซึ่งในเวลานั้นการดำเนินการค่อนข้างเป็นไปด้วยดี แต่หลังเปลี่ยนรัฐบาลหลายเรื่องก็ส่งสัญญาณว่าจะล่าช้าออกไป วันนี้กลุ่ม สว.สำรองจึงมาส่งหนังสือถึงอนุฯ และ กกต.ทุกคน เพราะท่านอาจจะยังไม่ได้รับข้อมูลจากสำนักงาน กกต. จึงมาติดตามทวงถาม และฝากประชาชนจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป

“อนุวินิจฉัย ทราบว่าตั้งมาตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่เพิ่งประชุมครั้งแรกเมื่อวาน (4 พ.ย.) ก็ไม่รู้ว่าเวลาเดือนเศษ ๆ ท่านมัวไปทำอะไรอยู่ ในเมื่ออ้างว่าสำนวนนี้มีหลักฐาน มีข้อมูลเยอะ ทำไมไม่รีบดำเนินการ หรือท่านจะดึงเวลาออกไปอีก โดยนิ่งนอนใจว่ามีเวลา 90 วันหรือเปล่า ถ้าคิดแบบนี้ผมว่ามันผิดวิสัย ในแง่ที่ว่าท่านจะเอาเวลาไปเท ท่านควรรีบเร่งดำเนินการไม่ควรรอถึง 90 วัน เสร็จเร็วก็ไปเร็ว เพราะทุกฝ่ายเรียกร้องกันมาทั่วฟ่า ทั่วแผ่นดิน เพราะกรรมการแต่ละคนก็เป็นสายตรงของกกต. กกต.จะอ้างว่าตั้งมาแล้วจะไม่รุ้ไม่เห็นไม่ได้ คุยกันหน่อย ช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เราจะจับตาดูว่าท่านจะอ้างเหตุอะไรอีกที่จะประวิงเวลาต่อไป”  พล.ต.ท. คำรบ กล่าว 

ส่วน นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ตั้งแต่ที่มีการตั้งอนุวินิจฉัยฯ ชุดที่ 36 เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ล่วงมาเกือบ 2 เดือน แต่ทราบว่าเพิ่งจะมีการประชุมกันเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังประชุมก็ไม่มีการแถลงต่อสื่อว่าการประชุมเป็นอย่างไร ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมจับตาอยู่ ตนเชื่อว่าหลังได้รับการแต่งตั้งเกือบ 2 เดือนนั้นท่านได้รับเงินเดือนอยู่แล้ว ทั้งนี้กลุ่มสว.สำรองเห็นว่า พยานหลักญานต่างๆ ที่อยู่สำนวน ที่อนุกรรมการชุดที่ 26 ส่งมานั้น มีความชัดเจนอยู่แล่ว แต่อนุฯ ชุดที่ 36 กลับไม่เอามาทำให้จบโดยเร็ว ในขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งแต่เปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนกระทรวงยุติธรรมทุกอย่างในคดีนี้กลับล้อฟรีไปหมด ทุกอย่างเย็นไปหมด ทุกอย่างเหมือนไม่มีการขยับ

ก่อนหน้านี้กลุ่ม สว.สำรองเคยยื่นหนังสือไปยังกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอพบ รมว.ยุติธรรม เพื่อสอบถามความคืบหน้า แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการนัดหมายว่าจะให้เข้าพบเมื่อไหร่ จึงอยากฝากไปยัง รมว.ยุติธรรมว่า สว.สำรองต้องการเข้าพบ เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับคดีฮั้ว สว.นั้นท่านจะเอาอย่างไร ไม่ใช่นิ่งเงียบ ไม่ใช่มาเตะถ่วง ประเทศชาติเสียหาย ใครจะรับผิดชอบ บอกตรงๆ เราเหนื่อยแล้ว ทำงานกันมาปีกว่าๆ เหนื่อย แต่ไม่ท้อ จะสู้ต่อ จนกว่า กกต.จะส่งศาล ถ้า กกต.ส่งสำนวนไปที่ศาลเมื่อไหร่ เราก็หยุดเมื่อนั้น แล้วอย่าคิดว่าอนุวินิจฉัยจะยกหรือไม่ยก ซึ่งถ้าคุณยก เราก็ฟ้อง 

“ที่คดีนี้ล่าช้า ได้ยินมาไม่ใช่ว่ารอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องสถานะ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม แต่เป็นเพราะจะรอให้สว.ของเขาไปเลือก กกต.ใหม่อีก 2 คน เพื่อให้ครบ 4 คน เรารู้และเชื่อว่าประชาชนเข้าใจว่าคุณกำลังทำอะไร คุณพยายามจะเอาคนของคุณมาตัดสินเรื่องของคุณ ผมว่ามันเป็นเรื่องของประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งไม่เหมาะสม ไม่สง่างาม อย่าทำอย่างนี้เลย ประชาชนเขามองเห็น เขามองอยู่ และคิดว่าอีกไม่นานจะมีการเลือกตั้ง ประชาชนเขาทราบว่าใครเป็นอย่างไร” นายธนวัฒน์ กล่าว