จากดีเอ็นเอ‘ลุงตู่’ สู่ ‘พีระพันธ์ุ’ รทสช.โชว์แบรนด์ ‘ขวาสุดโต่ง’

“รทสช.” เดินมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ จากดีเอ็นเอ “ลุงตู่” สู่การบริหารสไตล์ “ลุงตุ๋ย” เมื่อไม่มี “กลุ่มบ้านใหญ่” ให้ใช้บริการ ต้องลุ้นกันว่าหัวหน้า“พีระพันธุ์” จะสามารถปลุกกระแส “ขวาสุดโต่ง”เก็บคะแนนนิยมได้มากน้อยเพียงใด
KEY
POINTS
- พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปลี่ยนผ่านจากการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาสู่ยุคของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หลังเกิดความขัดแย้งภายในจน สส. ส่วนใหญ่ย้ายพรรค
- เมื่อฐานกำลัง สส. และกลุ่มบ้านใหญ่ลดลง นายพีระพันธุ์จึงต้องปรับยุทธศาสตร์สร้างแบรนด์ใหม่ให้พรรค โดยชูแนวทาง "ขวาสุดโต่ง" เพื่อดึงคะแนนจากกลุ่มอนุรักษนิยม
- นโยบายที่ใช้สร้างแบรนด์ใหม่คือการปราบปรามคอร์รัปชันอย่างเด็ดขาดด้วยโทษ "ประหารชีวิต" และการปฏิรูปโครงสร้างพลังงานเพื่อต่อต้านกลุ่มทุน
ศึกเลือกตั้งปี 2566 พรรครวมไทยสร้างชาติ ถูกจัดเป็นพรรคการเมืองน้องใหม่ แต่เนื้อหอมมากพิเศษ เนื่องจากมี “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ทำให้ “ขุนพลการเมือง” จากทั่วสารทิศย้ายสังกัด-ย้ายขั้ว มาร่วมงานด้วย
แรงดึงดูดหลัก มาจากความนิยมเฉพาะตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงโอกาสที่จะอยู่ในขั้วรัฐบาลมีสูง เพราะในช่วงดังกล่าว 250 สว. ยังมีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560
ทว่าผลเลือกตั้ง “รทสช.” ได้สส.มาเพียง 36 ที่นั่ง ต่ำกว่าเป้าที่คาดหวังเอาไว้มาก สถานการณ์บีบให้ต้องเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประยุทธ์ จึงถอยฉากทางการเมือง ผ่านช่วงฮันนีมูนร่วมก่อนตั้งรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร การขับเคี่ยวภายในพรรคสูงลิบ จน สส. แตกก๊ก-แตกก๊วน
ฉากแตกหักแบ่งขั้วภายใน รทสช. มาจากความขัดแย้งระหว่าง “หัวหน้าตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กับ “กลุ่มนายทุน” แต่ยังสามารถประคับประคองสถานการณ์มาได้ โดยอยู่กันต่อแบบหวานอมขมกลืน
จนกระทั่งการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ยิ่งทำให้ “รทสช.” แตกเป็นเสี่ยง “เลขาฯขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการ รทสช. จากเดิมที่เคยปกป้อง “หัวหน้าพี” เดินสายทำความเข้าใจกับ สส. รทสช. แต่ถึงเวลาที่ต้องเลือก “เอกนัฏ”ก็จำเป็นต้องปกป้อง สส.ในความดูแลของตัวเอง
ขณะเดียวกับ “กลุ่มเสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ประกาศตัวชัดเจนนำ สส. 16 คน ร่วมจัดตั้งรัฐบาลอนุทิน แยกย้ายออกจากอ้อมอก รทสช.
แม้เวลานี้ตัวเลข สส.รทสช. ในสภาฯ จะมี 36 สส. แต่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มเอกนัฐ - กลุ่มสุชาติ ประกาศตัวชัดเจน เข้าร่วมงานพรรคภูมิใจไทย รวมแล้ว 33 คน
“กลุ่มพีระพันธุ์” จึงเหลือเพียง 3 สส.ประกอบด้วย ชัชวาลล์ คงอุดม วิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ และนิติศักดิ์ ธรรมเพชร สส. พัทลุง
ส่วน สินธพ แก้วพิจิตร สส.นครปฐม กำลังถูกทาบทามจากหลายกลุ่ม โอกาสไปต่อกับ หัวหน้าพี - รทสช. จึงมีน้อยมาก
เมื่อ “ขุนพล” ระดับคาดหวังที่จะคว้าเก้าอี้ สส.ได้แน่ๆ ทยอยโบกมือลา ทำให้ “พีระพันธุ์” ต้องนับหนึ่งใหม่ เพื่อฟื้นฟูพรรค เตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง
วันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา “รทสช.” จัดประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยมีมติเลือก “พีระพันธุ์”นั่งหัวหน้าพรรคเช่นเดิม และเลือก “ชัชวาลล์ คงอุดม” เป็นเก้าอี้เลขาธิการพรรค ส่วน กก.บห.ทั้งหมด อยู่ในสายบังคับบัญชาของ“หัวหน้าพี” ไม่มีสายอื่นมาแทรก
ต้องยอมรับว่า “ขุมกำลัง” ของ รสทช. ในยุค “พีระพันธุ์ - ชัชวาลล์” ไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม เพราะกลุ่มเอกนัฏ-กลุ่มสุชาติ มี “นักเลือกตั้ง”สายแข็ง บ้านใหญ่ที่หวังผลได้มากกว่า การเคลื่อนพลออกไปจึงทิ้งช่องโหว่ขนาดใหญ่เอาไว้
เมื่อเครือข่ายบ้านใหญ่มูฟออนจาก รทสช. เหลือเพียง “บ้านใหญ่ธรรมเพชร” ทั้ง วิสุทธิ์ - นิติศักดิ์ ที่ยังอยู่กับ “พีระพันธุ์” ส่งผลให้ รทสช. ต้องยกเครื่อง ปรับยุทธศาสตร์การเลือกตั้งใหม่
จับทิศทางของ “พีระพันธุ์” เริ่มออกมาแอ็กชั่น ปล่อยแนวนโยบายของรทสช. ออกมาเป็นระยะ ไม่ทิ้งจุดแข็งดีเอ็นเอ“ลุงตู่” แต่อาจจะเก็บความนิยมได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เนื่องจากสถานะองคมนตรีย่อมไม่อาจลงมาช่วยหาเสียงได้
“พีระพันธุ์” จึงต้องสร้างแบรนด์ใหม่ โดยใช้จุดเด่นของตัวเอง เพื่อเก็บแต้มจาก “กลุ่มอนุรักษนิยม” โดยหงายไพ่ “ขวาสุดโต่ง” ชูนโยบายปราบคอร์รัปชั่น ด้วยการ “ประหารชีวิต” ผู้กระทำผิด พร้อมทั้งให้ “ลูกหลาน” ชดใช้หนี้แทน
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายทะลวง “นายทุน” โดยเฉพาะนโยบายเกี่ยวกับพลังงาน เนื่องจากเจ้าตัวเคยดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงาน ซึ่งเสนอกฎหมายสนับสนุนและส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานจากแสงอาทิตย์ (ระบบโซลาร์รูฟท็อป)
“รทสช.” เดินมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ จากดีเอ็นเอ “ลุงตู่” สู่การบริหารสไตล์ “ลุงตุ๋ย” เมื่อไม่มี “กลุ่มบ้านใหญ่” ให้ใช้บริการ ต้องลุ้นกันว่าหัวหน้า“พีระพันธุ์” จะสามารถปลุกกระแส “ขวาสุดโต่ง”เก็บคะแนนนิยมได้มากน้อยเพียงใด







