ปชน.แก้จุดอ่อน ดัน 3 แคนดิเดตนายกฯ ฝ่ากระสุนขี่กระแส 'แลนด์สไลด์'

ฝ่ากระสุนขี่กระแส'แลนด์สไลด์' จับตา ปชน.แก้จุดอ่อน ดัน 3 แคนดิเดตนายกฯ 2 โจทย์ใหญ่ท้าทายเป้า250+ หวังรัฐบาลพรรคเดียว
KEY
POINTS
- พรรคประชาชน (ปชน.) ตั้งเป้าหมายชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์เกิน 250 ที่นั่ง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว โดยชูสโลแกน "มีเรา ไม่มีเทา"
- พรรคมีจุดอ่อนสำคัญคือความนิยมของหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันที่ยังไม่สูงพอที่จะดึงดูดคะแนนเสียงได้เท่าที่ควร
- เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ปชน. วางแผนจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน เพื่อเป็นทางเลือกและสร้างกระแสความนิยม
- ยุทธศาสตร์ของพรรคคือการอาศัย "กระแส" จากนโยบายและตัวบุคคล เพื่อเอาชนะการเมืองที่ใช้เงิน หรือ "กระสุน" ในการเลือกตั้ง
ปี่กลองการเมืองกำลังโหมระรัว ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะมีการยุบสภาฯ เพื่อเลือกตั้งใหม่ ในอีกราว 4 เดือนข้างหน้า จากการยืนยันของ “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ท่ามกลางประเทศไทยกำลังอยู่ในสถานการณ์ “ขวาหัน” กับเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยฝ่ายอนุรักษนิยมกำลังครองอำนาจนำ อยู่ในตอนนี้
ขณะที่การชิงเหลี่ยมทางการเมืองหลังจากนี้ มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะเหลือเพียงพรรคเดียว ที่จะ “ขี่กระแส” ฝ่า “ดงกระสุน” หอบ สส.เข้าสู่สภาฯ ได้ นั่นคือ “พรรคประชาชน”
โดย ปชน.วางเป้าหมายใหญ่ หวัง “แลนด์สไลด์” ได้ผู้แทนฯ เข้าสภาเกิน 250 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
ล่าสุดแกนนำ ปชน.ชูสโลแกนสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า “มีเรา ไม่มีเทา” โดย “ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรค และแกนนำทีมเศรษฐกิจก้าวหน้าของพรรค มองว่า อาจจะตั้งเป้าหมายต่ำกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และเชื่อว่าอาจเป็นไปได้จริง ซึ่งการตั้งเป้า สส.ถือเป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรค เพื่อไปกำหนดยุทธศาสตร์และเดินไปสู่เป้าหมาย ส่วนผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน
“สำหรับพรรค ปชน.เรายังตั้งเป้าตามเดิม คือ 250 คนขึ้นไป โดยการตั้งเป้าทำให้เกิดการวางแผนทางยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้ถึงเป้าหมาย ย้ำว่าแต่ละพรรคการเมืองมีการตั้งเป้าหมายที่แตกต่างกัน” ศิริกัญญา ระบุ
สำหรับยุทธศาสตร์ในการหาเสียงนั้น “ศิริกัญญา” ยืนยันว่า ปชน.จะใช้สโลแกน “มีเรา ไม่มีเทา” เป็นแคมเปญเลือกตั้งระยะเริ่มต้น ที่ย้ำว่าเราเอาจริง ซึ่งผลตอบรับออกมาค่อนข้างดี โดยเฉพาะมีเราไม่มีเทา นั่นหมายความว่าประชาชนสนใจให้ความสำคัญ กับเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นการฟอกเงิน และทุนเทาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสัญชาติใด เป็นเรื่องที่พรรค ปชน.เอาจริงมาตลอดอยู่แล้ว และมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหานี้ แต่จะทำได้ดีทำได้จริงก็ต่อเมื่อเราเป็นรัฐบาลพรรคเดียว และสอดคล้องกับเป้าหมาย 250 เสียงที่ได้ประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดีความเป็นไปได้ที่ ปชน.จะได้ สส.ตามเป้า 250 เสียงนั้น อาจ “ฝันใหญ่” เกินตัวไปหน่อย เพราะล่าสุดเมื่อ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา “นิด้าโพล” เผยเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคอีสาน” สำรวจระหว่างวันที่ 27-30 ต.ค. 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับกระแสการเมือง ภาคอีสาน
แม้ว่าตาม “นิด้าโพล” จะระบุถึงข้อมูลพรรคการเมืองที่คนอีสานจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 เป็นพรรคประชาชน คิดเป็น 26.05% แต่ในคำถาม ถึงบุคคลที่คนอีสานจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ คิดเป็น 32.40% ขณะที่ชื่อของ “เท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้า ปชน.คนปัจจุบันอยู่อันดับ 3 คิดเป็น 18.55% น้อยกว่า “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่อยู่อันดับ 2 คิดเป็น 19.70%
แม้ว่าโพลนี้อาจไม่ได้สะท้อนความเป็นไปในภาพรวมทั้งประเทศ แต่อย่างน้อยสะท้อนให้เห็นภาพว่าชื่อของ “เท้ง ณัฐพงษ์” ยังคง “ขายไม่ได้” ในทางการเมือง หากเทียบกระแส “พ่อของฟ้า” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ “แดดดี้” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 2 หัวหน้าพรรคสุดป๊อปปูลาร์ในการเลือกตั้ง 2 ครั้งหลังสุดที่ผ่านมา (2562/2566)
โจทย์ใหญ่ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า ปชน.น่าจะมีทีเด็ดทีขาดในการชู “แคนดิเดตนายกฯ” คนใหม่ หรือแม้แต่การประชุมเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยชูโรงบุคคลที่น่าจะมีแนวโน้มเป็นแคนดิเดตนายกฯ หากหวังจะต้องการชนะการเลือกตั้งแบบ “แลนด์สไลด์” ในปี 2569
ก่อนหน้านี้ในช่วง ปชน.ต้องแก้เกมสมการ 44 สส.อดีตก้าวไกล ซึ่งถูกไต่สวนในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยปัจจุบันเป็น สส.ปชน.อยู่ 25 คนนั้น “กรุณพล เทียนสุวรรณ” แกนนำ ปชน.เคยเล่าว่า ปชน.จะส่งแคนดิเดตนายกฯครบ 3 คนอย่างแน่นอน โดย “ณัฐพงษ์” ในฐานะหัวหน้าพรรค น่าจะเป็นแคนดิเดตลำดับที่ 1 ส่วนลำดับอื่นจะดูตามความเหมาะสม
พร้อมกับแพลมชื่อออกมา เช่น "วีระยุทธ กาญจนชูฉัตร" รองหัวหน้าพรรค ปชน.ฝ่ายยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นคนวางนโยบายทั้งหมดของพรรค “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย ผู้ขับเคลื่อนงานนโยบายพรรค หรือแม้แต่ “วรภพ วิริยะโรจน์” ที่เป็นหนึ่งในผู้ร่างนโยบายเช่นกัน
ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าใน 3-4 รายชื่อเหล่านี้ น่าจะมีแนวโน้มสูง ถูกชูเป็นแคนดิเดตนายกฯคนใหม่ของ “ก๊กส้ม” ซึ่งชื่อที่มีแววที่สุด น่าจะหนีไม่พ้น “ต้น” วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร นอกเหนือจากเป็นผู้วางยุทธศาสตร์นโยบายทั้งหมดของพรรคแล้ว เขายังเป็น “เพื่อนซี้” ในระดับ “วงใน” ของ “กลุ่มเพื่อนเอก”
แต่ด้วยชื่อชั้นเหล่านี้ อาจจะยังไม่ใช่ “แม่เหล็ก” มากเพียงพอที่จะดึงดูด “คะแนนเสียง” มาให้กับ ปชน.ได้ หากเทียบกับยุค “ธนาธร-พิธาฟีเวอร์” ดังนั้น ปชน.คงจะต้องวางยุทธศาสตร์เพิ่มเติมหลังจากนี้ ซึ่งแน่นอนว่า แคมเปญ “มีเรา ไม่มีเทา” เป็นอีกหนึ่งเรือธงที่อาจนำพา ปชน.เข้าวินในการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่แพ้สโลแกน “มีลุง ไม่มีเรา” ที่พา “ก้าวไกล” หักทุกปากกาเซียน ได้ สส.มากสุดในสภาฯถึง 151 คน แม้จะไม่สามารถฝ่าด่าน “เล่ห์กลการเมือง” เพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ก็ตาม
อย่างไรก็ดี ต้องไม่ลืมว่าปัจจุบันกระแส “ขวาหัน” กำลังถูกโหมกระหน่ำโดยฝ่ายอนุรักษนิยม แม้ ปชน.จะพยายามแก้เกมด้วยการ “ไม่แตะ” กระแส “ชาตินิยม” แต่เน้นไปที่กลไกการตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของ “กองทัพ” และ “อินฟลูเอนเซอร์” ที่รับบริจาคหน้างาน ทว่ายังคงมีแผลเก่าเป็นชนักปักในเรื่อง “มาตรา 112” อยู่ ดังนั้นน่าจะผลักดันคะแนนได้ไม่มากอย่างที่ควรจะเป็น
กลับกันพรรคอนุรักษนิยมเฉพาะกิจอย่าง “ภูมิใจไทย” น่าจะมีลุ้นทำแต้มได้ สส.มากกว่าเดิม ขณะที่ “เพื่อไทย” ในยุคเปลี่ยนผ่านที่ “นายใหญ่” ถูกจำคุกจริงในเรือนจำ น่าจะมีแววได้ สส.ลดลงเช่นกัน
ที่สำคัญในการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา “ก๊กส้ม” อาศัย “กระแส” เป็นหลัก โดยไม่มีการใช้ “กระสุน” แม้แต่พื้นที่เดียว
ดังนั้นโจทย์ใหญ่ของ ปชน.หลังจากนี้มี 2 ข้อคือ 1.การ “หาหัว” หรือ “แคนดิเดตนายกฯ” คนใหม่ ที่เรียกเรตติ้งได้มากกว่านี้ 2.การปูแคมเปญ “มีเรา ไม่มีเทา” ในลักษณะ “มีเรา ไม่มีลุง” ที่น่าจะขายได้ในทางการเมือง
ส่วนจะลงล็อกที่ใคร และประสบผลสำเร็จหรือไม่ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้ารู้ผล







