‘สแกมเมอร์’ โอกาสปั๊มเรตติ้ง วัดใจ ‘อนุทิน’ ล้างบาง นักการเมือง

ฝ่ายการเมืองตรงข้ามรัฐบาล ออกมาเรียกร้องให้จัดการทุนการเมืองสีเทา สีดำ ที่เป็นอุปสรรคอย่างหนักในการต่อสู้แข่งขันผ่านสนามเลือกตั้ง ที่ใช้เงินเหล่านี้ ซื้อเสียงกันบานตะไท
KEY
POINTS
- ปัญหาแก๊งสแกมเมอร์เป็นโจทย์ท้าทายและเป็นโอกาสสำคัญให้นายกฯ อนุทิน พิสูจน์ผลงานเพื่อสร้างคะแนนนิยม
- สังคมกำลังจับตาและกดดันให้รัฐบาลสอบสวนนักการเมืองที่ถูกเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการผิดกฎหมาย
- สถานการณ์นี้ถือเป็นบทพิสูจน์ความกล้าหาญของอนุทินว่าจะจัดการกับนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังจริงจังหรือไม่
จังหวะทางการเมืองของ อนุทิน ชาญวีรกูล นับตั้งแต่เฉิดฉายมีอำนาจ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่ามีโอกาสสร้างความนิยมจากภารกิจสำคัญระหว่างประเทศ ได้กระทบไหล่ผู้นำ 2 ชาติมหาอำนาจ จนบางฝ่ายมองว่า นี่คือก้าวสำคัญที่ส่งให้ไทยกลับสู่จอเรดาห์ของโลก
ข้อตกลงสันติภาพไทยและกัมพูชาที่บรรลุผล ลงนามโดยอนุทิน และฮุน มาเนต ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่มาเลเซีย โดยมีพี่เบิ้ม โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย เป็นสักขีพยาน
การพบกันระหว่างสี จิ้นผิง โดยอนุทิน ใช้โอกาสนี้ ตื๊อจีนซื้อข้าวไทย 5 แสนตัน พร้อมโชว์ลูกอ้อนให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาบ้านเราอีกครั้ง โดยรับประกันความปลอดภัย และสิ่งที่นายกฯหนู เน้นย้ำกับประธานาธิบดีสี คือ รัฐบาลนี้ไม่มีนโยบายให้กำเนิดกาสิโน และแว่วๆ มาว่าอนุทิน วางคิวเดินทางเยือนจีน ร่วมงานสำคัญเร็วๆ นี้
แม้ว่าเสียงวิจารณ์อนุทิน ที่ไปเซ็นของแถม เรื่อง MOU ไทยกับสหรัฐฯ ในความร่วมมือเรื่องแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ จะทำคนสวดรัฐบาลเกือบทั้งประเทศ เพราะโผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
จนมีข้อสังเกตตามมามากมายว่า รัฐบาลโดนทรัมป์ มัดมือชกหรือไม่ อย่างไร เพราะอนุทิน ก็รู้ทั้งรู้ว่า แรงต้านในประเทศจากผลกระทบสิ่งแวดล้อมรุนแรงขนาดไหน แถมยังพาไทยเข้าไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของ 2 ชาติยักษ์ใหญ่ จีนและสหรัฐฯ ที่ใช้แร่แร์เอิร์ธสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบ ในการคานอำนาจระหว่างกัน
มีการจับตามองว่า การที่อนุทิน ยอมเปลืองตัวโดนวิจารณ์เรื่อง MOU แร่แรร์เอิร์ธ เพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้นหรือไม่ คือยอมเอาใจสหรัฐฯ หวังต่อรองให้พิจารณาลดภาษีการค้าให้ลดลงจากเดิม 19% หากทำสำเร็จ ก็น่าจะมีผลในทางการเมืองไม่มากก็น้อย และคงใช้เรื่องนี้เคลมเป็นผลงานหาเสียงได้ยกใหญ่
ขณะที่การแก้ปัญหาสแกมเมอร์ ก็เป็นเผือกร้อนที่ท้าทายความกล้าหาญของอนุทิน ว่าจะเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส หรือติดหล่มไม่พ้นวิกฤติกันแน่ น่าแปลกใจในการนั่งหัวโต๊ะประชุมติดตามงานของ ปปง. อนุทิน ปล่อยไก่ ยอมรับตอนแรกเข้าใจว่า ปปง. ขึ้นตรงกระทรวงยุติธรรม เลยไม่ได้สั่งการใดๆ โดยตรง พอมารู้ภายหลังว่าขึ้นตรงกับนายกฯ
อนุทิน เลยจัดการขันน๊อตหน่วยงานที่มีอำนาจปราบปรามการฟอกเงินว่า ถ้าดำเนินการไม่เด็ดขาดหรือไม่เต็มที่เราจะถูกตราหน้าว่าไม่มีผลงาน และสิ่งที่จะตามมาคือถูกแซงชั่น กีดกันกดดันจากนานาชาติ
จุดตัดสำคัญของการปราบสแกมเมอร์ที่รัฐบาลอนุทิน ยังก้าวไม่ข้ามเสียงวิจารณ์ คือ ความจริงจังในการเด็ดปีกนักการเมือง ที่ถูกเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการสีเทา-สีดำ ซึ่งน่าจะมีมากกว่า 7 คน หรือไม่อย่างไร
ตรงนี้เป็นบทพิสูจน์ของอนุทิน อย่างแท้จริง เพราะประชาชนปักใจเชื่อมาตลอดว่านักการเมือง มีเอี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน และบทบาทบางคนอาจจะเป็น“ขาใหญ่”มากกว่าที่หลายคนคาด
การปราบปรามจับกุมยึดทรัพย์เครือข่ายคนสำคัญโดยเฉพาะผู้ที่ใกล้ชิดผู้นำกัมพูชา แม้รัฐบาลจะพีอาร์ว่าทำแล้วๆ ก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และต้องทำมานานแล้วด้วยไม่ใช่เพิ่งทำตอนโดนรุกไล่ แต่ที่ยังไม่ทำคือตรวจสอบนักการเมืองว่าเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ ตรงนี้ต่างหากที่ประชาชนรอคำตอบ ไม่เช่นนั้น ข้อครหาเรื่องอุ้มพวกพ้องก็อาจจะไม่หายไปไหน
ท่ามกลางฝ่ายการเมืองตรงข้ามรัฐบาล ออกมาเรียกร้องให้จัดการทุนการเมืองสีเทา สีดำ ที่เป็นอุปสรรคอย่างหนักในการต่อสู้แข่งขันผ่านสนามเลือกตั้ง ที่ใช้เงินเหล่านี้ ซื้อเสียงกันบานตะไท
การเมืองจึงวนอยู่ในวงจรอุบาทว์ ลงทุนเพื่อเข้าไปถอนทุน ไม่หลุดพ้นเสียที การบังคับใช้กฎหมายก็ชะงัก ความเจริญของประเทศก็ติดขัดทุกด้าน จึงต้องวัดใจอนุทิน จะกล้ารื้อปัญหาที่หมักหมมใต้พรม หรือมีใครต้องเกรงใจ เพราะช่วยค้ำอำนาจตัวเองหรือไม่







