'อภิสิทธิ์' ชี้ AI ท้าทายแก่นแท้ประชาธิปไตยชวน'เสรีประชาธิปไตย' สร้าง 3 เสาหลัก

'อภิสิทธิ์' ชี้ AI ท้าทายแก่นแท้ประชาธิปไตยชวน'เสรีประชาธิปไตย' สร้าง 3 เสาหลัก

"อภิสิทธิ์” ชี้ AI ท้าทายแก่นแท้ประชาธิปไตยกลางเวที CALD ชวนชาว “เสรีประชาธิปไตย” ร่วมสร้าง 3 เสาหลักธรรมาภิบาลโลก ดิจิทัล

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาในการประชุมสมัชชาใหญ่ Council of Asian Liberals and Democrats (CALD) ครั้งที่ 15 เพื่อเรียกร้องให้สังคมเสรีประชาธิปไตยเร่งกำหนดทิศทางและสร้างกรอบธรรมาภิบาลเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างเร่งด่วน โดยเห็นว่าการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ต้องขับเคลื่อนด้วยเจตจำนงของมนุษย์ ไม่ใช่เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว

นายอภิสิทธิ์ ได้เปิดประเด็นด้วยอารมณ์ขันให้ชวนคิดว่า “ชาวเสรีประชาธิปไตยมักจะคิดเยอะ” พร้อมระบุว่า ประวัติศาสตร์ได้ให้บทเรียนอันมีค่าเกี่ยวกับความยืดหยุ่นและการปรับตัวของสังคม

“ก่อนที่เราจะเผชิญกับความกลัวและความไม่แน่นอนจาก AI เราควรมองย้อนกลับไปว่า ประชาธิปไตยเคยผ่านพ้นคลื่นแห่งการปฏิวัติทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีมาได้อย่างไร ทุกครั้ง สิ่งที่กำหนดทิศทางของสังคมไม่ใช่เทคโนโลยี แต่คือเจตจำนงและการร่วมแรงร่วมใจของมนุษย์” นายอภิสิทธิ์ กล่าว พร้อมกับได้ยกตัวอย่างจากยุคปฏิวัติการเกษตรและอุตสาหกรรม ซึ่งเทคโนโลยีมักเริ่มต้นด้วยการเอื้อประโยชน์ให้ผู้มี อำนาจ เช่น เจ้าของที่ดินหรือโรงงาน จนกระทั่งประชาชนลุกขึ้นมาเรียกร้องความเท่าเทียมและความเป็นธรรม ครั้งนี้ก็เช่นกัน ดังนั้นพวกเราทุกคนต้องเป็นผู้กำหนดทิศทางของระบบใหม่ 

อดีตนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเตือนอีกว่า แม้ว่า AI เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) จะมอบประสิทธิภาพที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ก็เสี่ยงต่อการละเลยกระบวนการที่เป็นหัวใจของคุณค่าประชาธิปไตย เพราะแก่นแท้ของประชาธิปไตยอยู่ที่กระบวนการ อยู่ที่การถกเถียงและการมีส่วนร่วม ซึ่งสร้างคุณค่าได้มากกว่าผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว

ดังนั้น เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ จึงได้เสนอ 3 แนวทางสำคัญ สำหรับการพัฒนากรอบธรรมาภิบาล AI ในระดับประเทศและระดับโลก ได้แก่ 
1. ความเท่าเทียม (Equity) การรับประกันการเข้าถึงเทคโนโลยี AI อย่างเท่าเทียม และลดช่องว่างดิจิทัลอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันความเหลื่อมล้ำรูปแบบใหม่ที่อาจเกิดขึ้นจากการกระจุกตัวของอำนาจและข้อมูล
2. ความรับผิดชอบ (Accountability) จัดตั้งกลไกธรรมาภิบาลที่แข็งแกร่ง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและความสมดุลในอัลกอริทึมของ AI ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความเชื่อมั่นของสาธารณะต่อระบบ
3. ความร่วมมือระหว่างประเทศ (International Cooperation) เสริมสร้างความร่วมมือพหุภาคีในระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนา AI อย่างมีจริยธรรมและครอบคลุมทุกภาคส่วน ซึ่งจะช่วยให้เกิดมาตรฐานร่วมกันในการควบคุมเทคโนโลยีที่ไร้พรมแดน

สำหรับในช่วงท้าย นายอภิสิทธิ์ ได้ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์ที่จะสามารถปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านว่า “ประวัติศาสตร์บอกเราว่า ความก้าวหน้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเราที่จะกำหนดทิศทาง เพื่อประโยชน์ร่วมกันของสังคม” ซึ่งเป็นข้อสรุปที่ชวนให้ผู้ร่วมงานตระหนักถึงบทบาทในฐานะผู้ร่วมกำหนดอนาคตยุคดิจิทัล