'โรม' เชิญ 'ธรรมนัส-นฤมล-วราห์-วรภัค' แจง กมธ.มั่นคง ปม 'เบน สมิธ'

'โรม' เชิญ 'ธรรมนัส-นฤมล-วราห์-วรภัค' ให้ข้อมูล กมธ.มั่นคงฯ ปมสัมพันธ์ 'เบน สมิธ' ถ้าไม่มา ไม่ให้โอกาสแจงแล้ว ย้อนนักการเมือง ช. ทุกหน่วยงานรู้ แต่ดันไม่ทำอะไร
KEY
POINTS
- รังสิมันต์ โรม สส.ปชน. ในฐานะประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ เชิญ ร.อ.ธรรมนัส, นางนฤมล, นายวราห์ และนายวรภัค เข้าชี้แจงกรณีความสัมพันธ์กับ "เบน สมิธ"
- การเชิญครั้งนี้ต้องการให้บุคคลดังกล่าวมาชี้แจงด้วยตนเองเท่านั้น ไม่สามารถส่งตัวแทนได้ เนื่องจากเป็นเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว
- รังสิมันต์ ย้ำว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลกที่หน่วยงานทั่วโลกกำลังจับตามอง ไม่ใช่แค่เรื่องภายในประเทศไทย
- หากบุคคลที่ถูกเชิญไม่มาให้ข้อมูลในครั้งนี้ จะถือว่าไม่ได้รับโอกาสในการชี้แจง และทาง กมธ. จะต้องหารือเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประชุม กมธ. ในวันที่ 30 ต.ค. ที่จะเชิญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ เข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ.ความมั่นคงฯ มีการตอบรับแล้วหรือไม่ ว่า เราให้เกียรติทุกคนทำหนังสือเชิญให้มาชี้แจงในเรื่องที่มีข้อมูล จะให้คนอื่นมาชี้แจงแทนไม่ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องหน่วยงานหรือการทำหน้าที่เท่านั้น แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส กับนายเบน สมิธ รวมถึงคนอื่น ๆ ที่มีความสัมพันธ์กับนายเบน สมิธ ซึ่งไม่สามารถมอบหมายให้คนอื่นมาชี้แจงแทนได้ วันที่ 30 ตุลาคม ทาง กมธ.คงจะได้รับคำตอบว่าจะมาหรือไม่ ซึ่งการตอบรับต้องรอดูนาทีสุดท้ายก่อนที่จะเข้าประชุม
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ฝากถามไปยัง ร.อ.ธรรมนัส และนางนฤมลว่าจะมาหรือไม่ เชื่อว่าหนังสือที่ทำส่งไปจะได้รับแล้ว และการเชิญครั้งนี้เหมือนครั้งที่แล้ว ดังนั้น หากไม่มาก็ไม่ได้รับโอกาสในการชี้แจง ย้ำว่าจะส่งใครมาชี้แจงแทนไม่ได้ จะมาบอกว่าไปนั่งอยู่ในหัวใจเขาแล้วรู้ทุกอย่างไม่ได้ ต้องเป็น ร.อ.ธรรมนัส นางนฤมล นายวราห์ สุจริตกุล รองประธานกรรมการบริษัท ฟินันเซีย เอกซ์ จำกัด (มหาชน) นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีต รมช.คลัง เท่านั้นที่จะมาตอบคำถามเรื่องนี้ได้ ทั้งนี้ หากไม่มาในครั้งที่สอง คงต้องคุยใน กมธ.อีกครั้ง
“ส่วนตัวไม่ได้กังวลว่าจะมาหรือไม่มา เพราะมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่แค่วาระของประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นวาระระดับโลกไปแล้ว บุคคลที่ท่านเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ได้ถูกเฝ้าระวังแค่ประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่ถูกเฝ้าระวังจากหน่วยงานทั่วโลก อาจจะคิดว่าอยู่เหนือกฎหมายไทยได้ กฎหมายไทยอาจจะทำอะไรท่านไม่ได้ แต่จงรู้ไว้ว่าเรื่องนี้ใหญ่ระดับโลก ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากความยุติธรรมที่ทั่วโลกพร้อมจะจัดการอย่างแน่นอน ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ท่านมาให้ข้อมูลกับเราอย่างตรงไปตรงมา ข้อมูลเหล่านี้ก็จะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าไม่มาก็ต้องตอบคำถามกับสังคม กับเรื่องแค่มาช่วยยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างนายเบน สมิธ กับ ร.อ.ธรรมนัส กับนางนฤมล กับนายวราห์ กับนายวรภัค แค่ลำพังเท่านี้ยังไม่มาชี้แจง ไม่มาตอบคำถามประชาชนจะมองอย่างไรก็พิจารณาดูเอาเองแล้วกัน” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีท้าให้เปิดชื่อนักการเมือง ช.นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องมาท้าว่าเปิดชื่อ เชื่อว่าหน่วยงานของรัฐมีข้อมูลอยู่ เช่น กรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. พูดชื่อ ช. ถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะมีข้อมูลคนเดียวหรือ ตำรวจจำนวนมากก็มีข้อมูล แต่ทำไมยังเงียบอยู่ ยังไม่มีการดำเนินการอะไร ทำไมต้องให้ภาระการพิสูจน์ความเสี่ยงตกอยู่กับฝ่ายค้าน ทำราวกับว่าเครื่องมือของฝ่ายค้านมีมากกว่าฝ่ายบริหาร
“ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ได้หูหนวกตาบอด ก็คิดว่าท่านเองควรเอาสิ่งที่ฝ่ายค้านพยายามนำเสนอ เอาสิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบันนำเสนอไปแก้ปัญหา ผมว่าเป็นประโยชน์ที่สุด ส่วนผมยินดีให้ความร่วมมือนายกฯ ถ้านายกฯจะเชิญผมไปพูด หรือให้ข้อมูล ในคณะกรรมการที่ท่านตั้งผมยินดีอยู่แล้ว เช่นเดียวกัน เมื่อ กมธ.ความมั่นคงฯขอความร่วมมือกับท่านบ้าง ให้ท่านมาให้ข้อมูลกับเรา เพื่อให้เรามีการสอบข้อเท็จจริง เราก็คาดหวังความร่วมมือเช่นเดียวกัน ผมพูดตรงนี้ผมยินดีไป และหวังว่าท่านจะยินดีมาที่ กมธ.ความมั่นคงฯเช่นเดียวกัน เพราะผมไม่ได้เชิญแค่ท่านธรรมนัส แต่ผมเชิญนายกรัฐมนตรีด้วย ในฐานะที่เป็นประธานกรรมการที่ตั้งขึ้นใหม่ ที่นำไปสู่การปราบสแกมเมอร์” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า เรื่องสแกมเมอร์จะมีการเชิญบุคคลที่เหนือกว่านายวราห์มาชี้แจงด้วยหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เชิญบุคคลเยอะ ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน อย่างนายกรัฐมนตรีที่เชิญมา คือในฐานะประธานกรรมการที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ที่อยากจะทราบความคืบหน้าเพราะนายกรัฐมนตรีบอกว่าเป็นวาระแห่งชาติ จึงอยากจะทราบว่า วาระแห่งชาติมาได้ไกลขนาดไหน และยืนยันว่าวันนี้พยายามสอบข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่แค่นายเบน สมิธ แต่รวมไปถึงตัวละครอื่นที่เชื่อมกับนายยิม เลียก ซึ่งเรากำลังสอบข้อมูลเหล่านี้และคาดหวังว่าหน่วยงานรัฐบาลทำงานเสียที และมารอให้เราเปิดมาเลย ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องท้าทายกัน แต่เราอยากจะเห็นการแก้ปัญหาสแกมเมอร์อย่างจริงจังเสียที และหนึ่งในความสำคัญของเรื่องนี้คือความเชื่อมั่น ซึ่งประชาชนจะเชื่อได้อย่างไร เพราะตราบใดที่คนระดับรองนายกรัฐมนตรียังมีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับแก๊งสแกมเมอร์อยู่
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ไม่จำเป็นต้องเชิญนักการเมือง ช. จริง ๆ คิดว่าจับเลยก็ได้ เชื่อว่าหน่วยงานรัฐมีข้อมูลอยู่แล้ว เยอะด้วย แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมไม่มีการดำเนินการในการเอาผิด ตอนนี้หลายตัวละครสามารถดำเนินการได้ทันที ที่ตนแปลกใจคือมีผลประโยชน์ได้เสียอะไรกัน ทำไมถึงไม่ยอมดำเนินการ
“เราไม่อยากจะจัดการปลาซิวปลาสร้อยแล้ว อยากจะเอาตัวที่เป็นตัวสำคัญอาชญากรรมข้ามชาติ ประเด็นคือทำไมตัวอาชญากรรมข้ามชาติถึงไม่มีการจัดการ ช. ก็ใหญ่ระดับหนึ่ง แต่ก็มีใหญ่กว่า สาวถึงอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นทางสหรัฐอเมริกาเขาจะดำเนินการได้อย่างไร สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เขาอยู่ไกลแต่ทำไมดำเนินการได้ ประเทศไทยอยู่ใกล้แค่นี้ ทำไมเราดำเนินการไม่ได้ ไม่ใช่ประเทศไทยไม่มีข้อมูล แต่ประเด็นสำคัญคือเรามีข้อมูลและมีเยอะด้วย ไม่ใช่รู้แค่ว่าฝั่งโน้นเขาเป็นใคร ไม่ใช่แค่รู้ว่าต่างชาติมีใครบ้าง แต่รู้แม้กระทั่งนักการเมืองไทยที่อยู่ในประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์อย่างไรบ้าง ทำไมถึงไม่ดำเนินการ ไม่จัดการ” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า มีบุคคลที่ใหญ่จริง ๆ อยู่ ใหญ่มาก ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนี้หลายคนก็รู้อยู่กันอยู่แล้วว่ามีนักการเมืองคนไหนบ้าง เท่าที่นั่งนับตอนนี้เกิน 7 คนแล้ว บางคนไม่เป็นนักการเมืองก็เข้ามาเป็นนักการเมืองแล้ว ดังนั้น ความเกี่ยวพันกับสแกมเมอร์ แล้วเกี่ยวพันกับผู้มีอำนาจ ที่อยู่ภายในประเทศมีอยู่จริงๆ และเป็นหนึ่งในต้นตอของปัญหา กำลังกลายเป็นศูนย์กลางการฟอกเงินระดับโลก และตนยังเป็นห่วงเรื่องทุนเทายึดประเทศ วันนี้เราเห็นเงินเทาเหล่านี้เข้ามาซื้อห้างร้านต่างๆ ในไทย เข้ามาตั้งธุรกิจแข่งในไทย และเงินเหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเงินผู้มีอำนาจ ที่จะเอามาใช้ในการแข่งขันทางการเมือง เพื่อยึดอำนาจของรัฐ และนำไปสู่การใช้อำนาจรัฐเพื่อปกป้องบรรดาทุนสีเทาทั้งหลาย วันนี้เรากำลังเจอทุนสีเทายึดประเทศไทยแล้ว
นายรังสิมันต์ กล่าวยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีข้อมูล ไปดูเส้นทางการเงินได้ เทคนิคไม่ได้ยาก เส้นทางการเงินเป็นตัวพิสูจน์ แต่สงสัยการทำหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่ทำงานเฉื่อย ช้า เป็นการทำงานตั้งรับไม่ใช่การทำงานเชิงรุก ต้องรอให้มีการดำเนินการโดยตำรวจก่อน จึงมองว่าหากทำงานในลักษณะนี้อาจจะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของแก๊งสแกมเมอร์ที่มีอยู่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการหรือจับกุมได้ จนจึงต้องการให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ ปปง.ทำงานเชิงรุก
เมื่อถามถึงท่าทีของรัฐบาลที่ค่อนข้างจะนิ่งไปกับการปราบปรามสแกมเมอร์และอาชญากรข้ามชาติ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลนึกว่าใครได้ประโยชน์จากการที่แก๊งสแกมเมอร์ไม่ถูกตรวจสอบ
เมื่อถามถึงกรณีที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทยและประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ระบุว่าใช้โจรปราบโจรนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า แสดงว่านายชาดารู้ว่าใครเป็นโจร และเชื่อว่าโจรไม่สามารถปราบโจรได้ มีแต่โจรอุ้มโจร
“คุณชาดาในฐานะประธานวิปรัฐบาลรู้ว่าใครเป็นโจร คำถามก็คือคนระดับนายกรัฐมนตรี นายอนุทินเคยเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง และวันนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่รู้หรือครับว่าใครเป็นโจร ขนาดคุณชาดายังรู้เลย” นายรังสิมันต์ กล่าว
ถามย้ำว่า หากนายกรัฐมนตรีไม่เชิญไปให้ข้อมูล จะสามารถนำข้อมูลไปให้ได้เลยหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ยินดีให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ไม่ได้เป็นการพูดลอยๆ และที่ผ่านมาตนก็ดำเนินการมาหลายเรื่องแล้ว ไม่มีเรื่องไหนลอย เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ลอยๆ อาจมีความพยายามในการทำลายความน่าเชื่อถือ อย่างเรื่องนายเบน สมิธ ซึ่งประเทศสหรัฐอเมริกามีการยื่นร่างกฎหมายระบุชื่อนายยิม เลียก นายเบน สมิธ คิดว่าเป็นเรื่องลอยๆ หรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ได้พูดเรื่องนายลี ยงพัด มาตั้งนาน ปัจจุบันมีการยึดทรัพย์ แต่ยึดเป็นจำนวนน้อยมาก 70 ล้านบาท ส่วนที่ตนระบุว่ามีนักการเมืองไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสแกมเมอร์ก็มีหลายคนออกมายืนยัน เป็นเรื่องลอยๆ หรือไม่ ยืนยันว่าทั้งหมดที่พูดมาไม่ใช่เรื่องลอยๆ แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติ วันนี้คนที่ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือตน ตกลงคือได้ประโยชน์จากแก๊งสแกมเมอร์ใช่หรือไม่ ได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ใช่หรือไม่
“เหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงไม่อนุมัติสัญชาติไทยให้กับนายเบน สมิธ หากเป็นคนดีและบริสุทธิ์จริง ผมขอให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตอบเรื่องนี้ดีกว่า” นายรังสิมันต์ กล่าว







