‘อนุทิน’ ย้ำ ไม่เปิดด่าน จนกว่ากัมพูชา ทำครบ 4 ข้อ ตั้ง ‘ผบ.ทสส.’ ติดตามผล

“อนุทิน” เผยคุย “ฮุน มาเนต” เร่งเดินหน้า 4 เงื่อนไข ระบุ กลาโหม ตั้งอนุฯ ติดตามผล ผบ.ทสส. ประธาน ย้ำยังไม่เปิดด่านจนกว่าทำตามตกลงทั้งหมด ระบุ ตำรวจ 2 ชาติ จับมือปราบสแกมเมอร์
เมื่อเวลา 11.15 น.ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการให้สัมภาษณ์ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ภายหลังการหารือทวิภาคี กับฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ครอบคลุมประเด็นสำคัญ คือ นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า กัมพูชา และไทยได้หารือกัน เพื่อเร่งให้การดำเนินการตามปฏิญญาที่ได้ลงนาม 4 ข้อ เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยได้เริ่มถอนอาวุธหนักตั้งแต่วันแรกที่มีการลงนาม
นายกรัฐมนตรียังย้ำกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่า อย่าให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ต้องเร่งดำเนินการถอนอาวุธอย่างเป็นรูปธรรม และจริงจังด้วยความรวดเร็ว ทั้งนี้ เพื่อให้ไทยจะได้ส่งคืนตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่อยู่ในการควบคุมคืนกลับให้กัมพูชา
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงประเด็นการเก็บกู้วัตถุระเบิดว่า ได้ขอฝ่ายกัมพูชา ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการเก็บกู้วัตถุระเบิด เพื่อจะได้ดำเนินการด้วยความรวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่ไทยจะเป็นผู้เก็บกู้เพราะอยู่ในเขตของไทย โดยมีผู้ร่วมสังเกตการณ์เป็นผู้แทนประเทศของกลุ่มอาเซียนรวมอยู่ด้วย
ในส่วนการปราบปรามสแกมเมอร์นั้น นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตำรวจไทย และตำรวจกัมพูชา มีการประชุมร่วมกันเพื่อหาวิธีการปราบปรามป้องกัน รวมทั้งจะร่วมมือกันในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกอย่าง ไม่เพียงแค่สแกมเมอร์ แต่ยังรวมไปถึงการหลอกลวงออนไลน์ และการหลอกลวงคนไปกักกันหรือทำร้ายด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทยจะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา เพื่อติดตามการดำเนินการตามข้อตกลง 4 ข้อ โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธาน ซึ่งเมื่อเช้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โทรศัพท์รายงานแล้ว ว่า ทุกอย่างได้ดำเนินการไปตามขั้นตอน และเวลาที่ควรจะเป็นด้วยความเรียบร้อย จากการพูดคุยกัน ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ทำความเข้าใจว่าตรงไหนที่ยังเป็นข้อสงสัยขอให้กลับไปแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด
นายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงการสัมภาษณ์ที่พูดตกหล่น เรื่องไทยรุกล้ำกัมพูชา ว่าตก คำว่าพื้นที่อ้างสิทธิ ซึ่งเป็นคำอย่างเป็นทางการ ในพื้นที่ตรงนั้นมีคนไทย และมีคนกัมพูชาอาศัยอยู่ ดังนั้น การดำเนินการในเรื่องนี้ต้องมีหลักความยุติธรรม รวมทั้งยังไม่มีการพูดถึงการเปิดด่านจนกว่าการดำเนินการทั้งหมด จะสิ้นสุดลง หาก 4 ข้อนั้นได้รับการปฏิบัติ และดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย ก็จะมาพูดคุยเรื่องความสัมพันธ์ต่อไป
“ต้องขอความกรุณาว่า การทำงานต้องมีหลายๆ เรื่อง และเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน ผู้สื่อข่าวถามอะไรที่ผมตอบได้ก็ตอบ ไม่มีอะไรที่ปิดบัง และอยากให้ทุกคนได้รับทราบข้อมูลที่เป็นความจริงจะได้ไม่มีใครมาคาดเดา และพูดออกมาโดยใช้โซเซียลมีเดีย พยายามเปิดเผยกับประชาชนให้ได้มากที่สุด” นายกฯ กล่าว
โอกาสนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสิริพงศ์ ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึง การนำเสนอบทสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี วานนี้ ที่ว่าไทยรุกล้ำกัมพูชา กัมพูชารุกล้ำไทยนั้น ทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากอาจมีการนำเสนอไม่ครบถ้วนทั้งบริบทของการให้สัมภาษณ์ หรืออาจจะมีบางคำที่ทำให้ประชาชนมีความรู้สึกไม่สบายใจ ต้องขอขยายความโดยคำนึงถึงบริบทสถานการณ์ที่แท้จริงว่า นายกรัฐมนตรี ต้องการให้มีการบริหารสถานการณ์ชายแดน เพื่อให้เกิดความชัดเจน อย่างแท้จริงๆ โดยยึดหลักอธิปไตยไทย ศักดิ์ศรี และความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ และชีวิตประชาชนในพื้นที่ บนหลักของความเป็นธรรม และในวันนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความหมายเพิ่มเติมว่า พื้นที่ที่หมายถึง คือ พื้นที่ที่มีการอ้างสิทธิ ซึ่งกันและกัน จึงขอใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกับประชาชน ผู้รักแผ่นดินไทย และยืนยันว่า รัฐบาลจะทำหน้าที่ อย่างเข้มแข็ง ในประเด็น ไทย-กัมพูชา
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







