'อภิสิทธิ์' จี้รัฐบาลแจงให้ชัด ลงนาม'แร่แรร์เอิร์ธ' -รักษาสมดุลมหาอำนาจ

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จี้รัฐบาลแจงให้ชัด ผลกระทบลงนามMOU 'แร่แรร์เอิร์ธ'ไทย-สหรัฐ พร้อมแนะรักษาสมดุล2ประเทศมหาอำนาจ
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ประเด็นที่ขณะนี้มีข้อกังวลจากหลากหลายภาคส่วนเกี่ยวกับการลงนามบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนา ของห่วงโซ่อุปทานของแร่สำคัญ แร่แรร์เอิร์ธ ระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกาว่า ข้อตกลงหรือบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต้องขึ้นอยู่ที่รัฐจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ส่วนตัวคิดว่าการที่สหรัฐฯคิดที่จะเข้ามาโดยเราไปเป็นเงื่อนไขในห่วงโซ่อุปทานเป็นสิ่งที่ดีและเป็นโอกาส แต่ต้องมีความระมัดระวัง
ประการแรก เราต้องได้รับความเป็นธรรมในเชิงผลประโยชน์
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประการที่สอง จะมีประเด็นที่เดี่ยวข้องกับผลกระทบทางด้านอื่น เช่นสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ประการที่สาม ที่สำคัญที่สุดคือต้องไม่ทำให้ความเข้าใจนี้ แปลว่าสหรัฐฯมีสิทธิที่จะเข้ามาผูกขาด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีของจีน รวมถึงประเทศอื่นๆที่มีความปราถนา ที่จะเข้ามาร่วมทำงานกับประเทศไทยเช่นเดียวกัน ประเด็นนี้เป็นประเด็นขัดแย้งในเชิงรัฐศาสตร์ที่เแหลมคมอยู่แล้ว
ฉะนั้นประเทศไทยจึงต้องรักษาความสมดุลในแง่ความสัมพันธ์ กับเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่งและอันดับสองของโลกก็ต้องมีความชัดเจนในเรื่องนี้
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองว่า ในภาพรวมของเอ็มโอยูรวมถึงกรอบที่ออกมา แม้สิ่งเหล่านี้จะผ่านไปแล้ว แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรที่จะต้องเปิดเผยให้กับประชาชน แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมดแต่ประชาชนควรมีสิทธิรู้ก่อนหน้านี้แล้ว
วันนี้ก็ยังไม่สายเกินไปที่รัฐบาลในระหว่างที่จะต้องนำรายละเอียดไปเจรจา จะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็น ก่อนที่จะนำไปสู่การข้อตกลงการค้าที่เป็นทางการคิดว่าผู้ที่มีส่วนได้เสียหรือได้รับผลกระทบมีหลายด้าน
ฉะนั้นการเปิดเผยกรอบความร่วมมือที่ผ่านมาจะเป็นการแสดงให้เห็นว่า ครอบคลุมเกือบทุกภาคส่วนจริงๆ หากมีอะไรที่จะกระทบต่อกลุ่มคนเหล่านั้นต้องมีแผนที่ชัดเจนในการที่จะเยียวยา หากเกิดผลกระทบในทางลบจะทำอย่างไร
"ที่ผ่านมาทั้งรัฐบาลชุดที่แล้วและชุดนี้พูดถึงประเด็นนี้เฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาษี19% แต่ยังไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่ไปแลกเพื่อที่จะให้ได้ลดมาเป็น19% ผมว่ารัฐบาลต้องเร่งเปิดเผยข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและบอกให้ชัดว่าช่องทางหรือความสามารถที่จะเจรจาในรายละเอียดมีมากน้อยแค่ไหน"
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวว่า เรื่องนี้ยังมีหลายขั้นตอนที่จะมาดำเนินการ ส่วนตัวมองว่าเป้าหมายของสหรัฐฯ ที่อาจเป็นประเทศที่มีการผลิตหรือมีสิ่งเหล่านี้มากกว่าก็น่าจะไม่ใช่ไทยเป็นหลัก ความจริงในภูมิภาคก็ยังมีประเทศอื่นๆ แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่ายังไม่มีประเทศใดที่ไปทำข้อตกลงนี้ ยกเว้นกรณีของออสเตรเลีย
ท่านนายกฯก็ตอบง่ายไปนิดนึงที่บอกว่าเป็นแค่เอ็มโอยู เราคงไม่ไปทำอะไรที่ทำให้คนมองว่าไปทำแล้วไม่ให้ความสำคัญ เพียงแค่คนไทยทราบสิ่งเหล่านี้เป็นครั้งแรก
ดังนั้นเวลานี้รัฐบาลจึงมีหน้าที่สำคัญในการเปิดเผยให้ประชาชน มีส่วรร่วมในการทำความเข้าใจ ในเรื่องข้อตกลงการค้าสุดท้ายต้องเข้าสภาฯอยู่แล้ว แต่ในเรื่องความเข้าใจ คงต้องไปดูข้อกฎหมายอีกครั้งว่าเข้าข่ายกฎหมายหรือไม่ เรื่องนี้ยังมีรายละเอียดที่บ่งบอกอยู่เยอะไม่ใช่แค่สภาฯ แต่หมายถึงหน่วยงานต่างๆอีกด้วย







