‘อนุทิน’ ถกทวิภาคี ‘ฮุน มาเนต’ จ่อลงนามในถ้อยแถลง ไทย-กัมพูชา

“อนุทิน” ถกทวิภาคี “ฮุน มาเนต” ชี้ 4เงื่อนไขสันติภาพ ไทย-กัมพูชา ต้องปฏิบัติจริงจัง พร้อมหารือแนวทางสื่อสารทางการทูต เห็นพ้องจ่อลงนามในถ้อยแถลง2ประเทศ
เมื่อเวลา 10.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชม.) ณ ห้อง 7M ชั้น 3 ศูนย์ประชุม KLCC นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หารือทวิภาคีกับนาย ฮุน มาเนต (H.E. Hun Manet) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง
โดยภายหลังเสร็จสิ้น นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีขอบคุณนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่มีหนังสือแสดงความเสียใจต่อการสวรรคต ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าการลงนามถ้อยแถลง (Joint Declaration) เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ถือเป็นพื้นฐานสำหรับสองประเทศที่จะเดินหน้า แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ จะต้องมีการปฏิบัติตามอย่างจริงจังและจริงใจ การหารือในวันนี้ จึงมุ่งเน้นความจำเป็นที่สองประเทศจะต้องร่วมมือกันเพื่อเดินหน้านำข้อตกลงไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
นายกรัฐมนตรี ย้ำความสำคัญใน 4 ประเด็นที่ได้ตกลงกัน เพื่อการลดความตึงเครียดตามแนวชายแดน ได้แก่ (1) การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติ (2) การเก็บกู้ทุ่นระเบิด (3) การปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะสแกมเมอร์ และ (4) การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน
ทั้งนี้ กระบวนการถอนอาวุธหนักได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่ไทยต้องการเห็นคือ การเดินหน้าถอนอาวุธหนักอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนบริเวณชายแดน รวมถึงต้องการเพิ่มความเข้มข้นในการประสานงานเพื่อการปฏิบัติตามในเรื่องอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะการประสานงานประเด็นปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การลงพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปฏิบัติตามข้อตกลงเพื่อการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่าย ยังได้หารือ ถึงแนวทางเพิ่มการสื่อสารทางการทูต โดยจะมอบหมายให้รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายพบหารือกันโดยเร็ว
นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่าย ยังเห็นพ้องว่า ในช่วง 2-3 วันหลังจากการลงนามในถ้อยแถลงฯ มีความสำคัญยิ่ง สำหรับประเทศไทย ประชาชนและสื่อมวลชน ของทั้งสองประเทศ ที่จะติดตามความคืบหน้าของการปฏิบัติตามถ้อยแถลงดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
ดังนั้น จึงเป็นความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่ายที่ต้องแสดงให้เห็นถึงการเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในการปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้ด้วยความจริงใจและด้วยความสุจริตใจ เพื่อสร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้แก่ประชาชนของเรา







