2โจทย์ ‘ชายแดน-สแกมเมอร์’ เดิมพัน 'อนุทิน' โลกล้อมไทย-การเมืองรุกฆาต

2โจทย์ ‘ชายแดน-สแกมเมอร์’ เดิมพัน 'อนุทิน' โลกล้อมไทย-การเมืองรุกฆาต

ประเด็นไทย-กัมพูชา และประเด็นการปราบปรามสแกมเมอร์ ที่รัฐบาลกำลังเผชิญทั้งสถานการณ์โลกล้อมไทย ไม่ต่างจากเกมการเมืองในประเทศ ที่กำลังเปิดฉากรุกฆาตในเวลานี้ ถือเป็นด่านวัดใจที่สำคัญของ “รัฐบาลอนุทิน”

KEY

POINTS

  • รัฐบาลอนุทินกำลังเผชิญ 2 โจทย์ท้าทายที่เป็นเดิมพันทางการเมืองครั้งสำคัญ ได้แก่ ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์
  • ประเด็นชายแดนเกี่ยวข้องกับ "คำแถลงร่วม" ไทย-กัมพูชาเพื่อลดความตึงเครียด แต่ยังคงมีความกังขาในความจริงใจของกัมพูชา ซึ่งถูกมองว่าอาจเป็นเพียงการสร้างภาพในเวทีโลก
  • รัฐบาลได้ยกระดับการปราบปรามสแกมเมอร์เป็น "วาระแห่งชาติ" และนายกฯ อนุทินได้ผลักดันความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์
  • ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลถูกสั่นคลอนจากกรณีที่คนในรัฐบาลถูกเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่ฝ่ายค้านเตรียมใช้โจมตีทางการเมืองเพื่อรุกฆาตรัฐบาล
  • สถานการณ์ทั้งสองเรื่องทำให้รัฐบาลเผชิญแรงกดดันทั้งจากต่างประเทศ และเกมการเมืองในประเทศ (โลกล้อมไทย) ซึ่งเป็นบทพิสูจน์เสถียรภาพ และอนาคตของรัฐบาลอนุทิน

ถอดรหัสการการเมือง ผ่าปมร้อนเดิมพันรัฐบาล “อนุทิน ชาญวีรกูล” ชี้ชะตาพรรคภูมิใจไทย สู่เส้นทางการเป็นรัฐบาลสมัยที่ 2  

ประเด็นแรก สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่กำลังถูกจับตา หลังการลงนามใน “คำแถลงร่วม” ระหว่างผู้นำสองประเทศยอมรับ 4 ข้อตกลง เพื่อเดินหน้าสู่สันติภาพ โดยมี “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เป็นสักขีพยาน ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่มาเลเซีย

แม้ในมุมการทูตจะมีข้อมูลจากหลากหลายภาคส่วน พยายามอธิบายว่า การที่ทั้ง 2 ประเทศมีการ “คำแถลงร่วม” ถือเป็นการเริ่มต้น เพื่อสร้างความไว้วางใจ และลดความตึงเครียด โดยไม่ต้องกดดันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้ง 2 ฝ่ายมากเกินไป เหมือนการเปิดประตูคุยกันแบบ “ไม่มีผลผูกพัน” ทางกฎหมาย 

ต่างจาก “ข้อตกลงสันติภาพ” ที่มีผลผูกพันต่อคู่ภาคีต้องปฏิบัติตามที่ระบุไว้ในข้อตกลง เพื่อยุติความขัดแย้งอย่างยั่งยืน และสร้างกลไกติดตามผล มักมีบทบัญญัติทางกฎหมาย เช่น การถอนกำลัง การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เป็นต้น

2โจทย์ ‘ชายแดน-สแกมเมอร์’ เดิมพัน 'อนุทิน' โลกล้อมไทย-การเมืองรุกฆาต

ทว่า ท่าทีของ 2 ประเทศที่มองเผินๆ เหมือนจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ถึงเวลานี้ยังเกิดคำถามที่ว่า ที่สุดจะสามารถไว้วางใจได้จริงหรือไม่ หรือลึกๆ แล้ว กัมพูชาเพียงแค่ “โชว์บทบาท” ที่ดีในเวทีโลกเท่านั้น

ตัวอย่างล่าสุด คือ คลิปที่ถูกแชร์ผ่านโลกโซเชียล ขณะที่กัมพูชาถอนยุทโธปกรณ์ รถถัง 2 คัน บริเวณชายแดน ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการ “ตบตา” คณะผู้สังเกตการณ์ ทั้งที่ในกัมพูชายังซุกรถถังนับสิบคันอยู่ในแนวหน้า ซึ่งยังต้องติดตามความจริงใจของกัมพูชาต่อจากนี้ 

ถัดมาประเด็นการ “ปราบปรามสแกมเมอร์” ไล่เลียงไทม์ไลน์ของ“ฝ่ายบริหาร” และ “ฝ่ายนิติบัญญัติ” ทั้งการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 21 ต.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งนายกฯ แจ้งที่ประชุม ครม.ว่า ขอให้จัดความสำคัญ ยกระดับการปราบปรามสแกมเมอร์ และมิจฉาชีพออนไลน์เป็น “วาระแห่งชาติ”

วันเดียวกันในการที่ประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา (IPU) ยังรับรองร่างมติของไทยอย่างท่วมท้น 850 เสียง ในการปราบปรามอาชญากรรมองค์กรข้ามชาติ อาชญากรรมไซเบอร์ และภัยคุกคามรูปแบบผสมผสาน เป็น “วาระเร่งด่วน”

สาระสำคัญของร่างข้อมติไทย มุ่งให้รัฐสภาทั่วโลกร่วมกันผลักดันกฎหมาย และกลไกเพื่อต่อสู้กับ อาชญากรรมองค์กรข้ามชาติ (Transnational organized crime) อาชญากรรมไซเบอร์ (Cybercrime) และภัยคุกคามแบบผสมผสาน (Hybrid threats)

อีกทั้งยังมีแอกชันของ “นายกฯ อนุทิน” ผ่านเวทีประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three Summit : APT) ครั้งที่ 28 ที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เมื่อ 27 ต.ค.68 ที่ผ่านมา นายกฯ อนุทิน เสนอแนวคิด “3 Securities Approach” หรือ “ความมั่นคง 3 ด้าน”

2โจทย์ ‘ชายแดน-สแกมเมอร์’ เดิมพัน 'อนุทิน' โลกล้อมไทย-การเมืองรุกฆาต

2โจทย์ ‘ชายแดน-สแกมเมอร์’ เดิมพัน 'อนุทิน' โลกล้อมไทย-การเมืองรุกฆาต 2โจทย์ ‘ชายแดน-สแกมเมอร์’ เดิมพัน 'อนุทิน' โลกล้อมไทย-การเมืองรุกฆาต

1.ความมั่นคงทางการเงิน (Financial Security) นายกฯ อนุทิน ย้ำความสำคัญของการยกระดับข้อริเริ่มเชียงใหม่ (Chiang Mai Initiative Multilateralisation : CMIM) ไปสู่การจัดตั้งกลไก “Rapid Financing Facility” เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินได้อย่างทันท่วงทีในยามเกิดวิกฤติ

2.ความมั่นคงทางดิจิทัล (Digital Security) นายกฯ กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ควรเกิดขึ้นอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในระดับชุมชนฐานราก และผู้ประกอบการ SMEs เพื่อให้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการเติบโตอย่างครอบคลุม

ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ ข้อ 3.ความมั่นคงของมนุษย์ (Human Security) นายกฯ อนุทิน เน้นย้ำว่าความเป็นอยู่ของประชาชน คือ หัวใจของความร่วมมือ “อาเซียนบวกสาม” จึงเสนอให้อาเซียน และพันธมิตรที่สำคัญกับอาเซียนทั้ง 3 ประเทศร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และจริงจังยิ่งขึ้นในการปราบปรามสแกมเมอร์ 

เหนือไปกว่านั้น ในวันเดียวกัน “นายกฯ อนุทิน” ยังออกแอกชัน ประกาศตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมร่วมกับจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อประสานพลังของภูมิภาคในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้เป็นรูปธรรม และจริงจัง

ทว่าจนถึงเวลานี้ รัฐบาลยังถูกตั้งคำถามว่า การปราบสแกมเมอร์จะบรรลุผลมากน้อยเพียงใด ในเมื่อ “คนในรัฐบาล” ยังถูกเชื่อมโยงไปที่เครือข่ายสแกมเมอร์ 

โดยเฉพาะกรณีการลาออกของ “วรภัค ธันยาวงษ์” จาก รมช.คลัง หลังถูกพาดพิงว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับเครือข่ายต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับ “เบน สมิธ” และ “ยิม เลียก” ประธาน BIC Bank ในกัมพูชา ซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่า เป็นช่องทางทางการเงินของกลุ่มสแกมเมอร์ และธุรกิจผิดกฎหมายในภูมิภาค

แม้เจ้าตัวจะยืนยันว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์กัมพูชา หรือธุรกิจผิดกฎหมายใดๆ แต่เป็นการรับผิดชอบเพื่อไม่ให้เรื่องส่วนตัวกระทบการทำงานของรัฐบาล

ทว่า เบื้องลึกเบื้องหลังที่แท้จริงในการลาออกของอดีต รมช.คลัง ว่ากันว่าเกิดจากแรงกดดัน ทั้งกระแสสังคมออนไลน์และฝ่ายความมั่นคง อีกนัยหนึ่ง เพื่อตัดวงจรที่อาจเข้าทาง “เกมการเมือง”ในการยื่นสอบจริยธรรม ที่อาจไม่ใช่แค่ในส่วนของ “วรภัค” แต่อาจขยายวงไปถึง “คนในรัฐบาล” เพื่อเขย่าเสถียรภาพรัฐบาลให้เพลี่ยงพล้ำในที่สุด

2โจทย์ ‘ชายแดน-สแกมเมอร์’ เดิมพัน 'อนุทิน' โลกล้อมไทย-การเมืองรุกฆาต

ไหนจะศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งถูกล็อกเป้าจากฝ่ายค้าน หยิบยกประเด็นนี้มาเป็นประเด็นขยายแผลในสภาฯ เพื่อชิงแต้มต่อการเมืองภายใต้สมการ “3 ก๊ก”

 ทั้งจาก “ฝ่ายส้ม” ก่อนหน้านี้ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” รองหัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยว่า หลังเปิดรัฐสภาในสมัยประชุมหน้าในวันที่ 12 ธ.ค.68 มีโอกาสจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยพรรคประชาชนยืนยันที่จะใช้กลไก สส.และกลไกของกรรมาธิการในการผลักดันเรื่องที่รัฐบาลควรดำเนินการให้ดำเนินการอย่างจริงจังมากขึ้น

ขณะที่ “ฝ่ายแดง” ที่กำลังระส่ำระสาย หลัง “แพทองธาร ชินวัตร” ลาออกจากหัวหน้าพรรค ต้องจับตาวันที่ 31 ต.ค.68 จะมีการประชุมใหญ่วิสามัญพรรค เพื่อผู้นำพรรค และคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ซึ่งจะได้เห็นทิศทางที่ชัดเจนว่า “ขุนพล” เพื่อไทยชุดใหม่ จะมีเดินเกมสู้ “ฝ่ายน้ำเงิน” หลังจากนี้อย่างไร 

ต้องยอมรับว่า ทั้งประเด็นไทย-กัมพูชา และประเด็นการปราบปรามสแกมเมอร์ ที่รัฐบาลกำลังเผชิญทั้งสถานการณ์โลกล้อมไทย ไม่ต่างจากเกมการเมืองในประเทศ ที่กำลังเปิดฉากรุกฆาตในเวลานี้ ถือเป็นด่านวัดใจที่สำคัญของ “รัฐบาลอนุทิน”

หากพลิกเกมได้ ย่อมส่งผลไปถึงแต้มต่อการเมืองในอนาคต แต่หากเดินเกมพลาด ก็มีโอกาสล้มทั้งกระดานเช่นเดียวกัน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์