‘ดร.เอ้’ นำทัพ ‘ไทยก้าวใหม่’ บ้าดีเดือด ฝ่ากระแส-บ้านใหญ่

ถ้า ดร.เอ้ รู้ถึงเงื่อนไข และข้อจำกัดในการเมืองรูปแบบเดิมเหล่านี้ และเห็นตัวอย่างที่ไม่ประสบความสำเร็จของพรรคการเมืองใหม่ที่ผ่านมา แทนที่จะปักหลักกับบ้านหลังเดิม น่าจะเซฟตัวเองได้มากกว่า แต่กลับเลือกลุยสร้างพรรคใหม่ ก็ถือว่าบ้าดีเดือดไม่ใช่น้อย
KEY
POINTS
- พรรคไทยก้าวใหม่ ภายใต้การนำของ ดร.เอ้ นับเป็นความท้าทายในการเลือกตั้ง ปี69
- นอกจากต้องสู้กับพรรคการเมืองที่เน้นบ้านใหญ่
- ยังต้องสู้พรรคที่เน้นกระแส โดยเฉพาะพรรคประชาชน
- เดิมพันสำคัญของ ดร.เอ้ จะนำพรรคแจ้งเกิดได้หรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องจับตา
หนึ่งในพรรคการเมืองน้องใหม่ ที่เปิดตัวไปหมาดๆ ยังไม่ครบเดือน เพื่อลงสนามสู้ศึกเลือกตั้งปี 69 ที่นับว่าโหดหินสำหรับทุกค่าย ด้วยปัจจัย เงื่อนไข สภาพสังคม เศรษฐกิจ และอารมณ์ผู้คมที่แปรผัน ย่อมมีผลต่อการลงคะแนนไม่มากก็น้อย
ตัวชูโรงของพรรคน้องใหม่ ที่ชื่อ “ไทยก้าวใหม่” คือ "ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์" นั่งแท่นหัวหน้า โดยมี"ก้องเกียรติ กรสูต" รับบทเลขาฯ และ"คุณหญิงกัลยา โสภณพณิช" เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค
น่าสนใจว่า การตั้งพรรคใหม่ในสถานการณ์ที่การเมืองแบ่งค่ายเป็น 3 ก๊กหลัก ได้แก่ น้ำเงิน ส้ม แดง ที่มีจุดแข็ง จุดอ่อน ต่างกันไป ย่อมเป็นงานยากสำหรับผู้เล่นที่อยู่บนสังเวียนอยู่ก่อนแล้ว ส่วนคนมาใหม่นั้นก็อาจจะยิ่งยากคูณ 2
ในวันที่การเมืองสู้กันด้วยความเป็นบ้านใหญ่ ใช้อิทธิพล เครือข่ายท้องถิ่น มีดีลต่อรองระหว่างพวกต่างพรรคได้ทุกเมื่อ เมื่อผลประโยชน์ลงตัว และเลือกตั้งรอบหน้า ก็ถูกคาดหมายว่า ผลชี้ขาดชัยชนะ ปัจจัยหลักอาจอยู่ที่กระสุน สำหรับค่ายที่เดินการเมืองแบบเดิมๆ
ขณะที่อีกแนวทาง อย่าง“พรรคประชาชน” คือเน้นสร้างกระแส จุดประเด็นตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลต่างๆ ของรัฐบาล ที่ตอนนี้กำลังล็อกเป้าโจมตีรัฐมนตรีสีเทาบางคน ว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่ไม่น่าไว้วางใจ
กลยุทธ์ตรงนี้ของค่ายส้ม คล้ายเป็นสูตรสำเร็จที่เคยใช้ได้ผล เหมือนตอนเลือกตั้งปี 66 ที่ใช้วาทกรรม“มีลุง ไม่มีเรา” จนเข้าป้ายเป็นพรรคอันดับ 1 รอบนี้ก็กำลังใช้แนวนั้น เพียงแต่เปลี่ยนตัวละคร ขย้ำนักการเมืองที่สังคมยี้ จี้ไปยังจุดที่คนอื่นไม่กล้าแตะ
คำถามคือ พรรคประชาชนจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล และคณะ แบบลงมติหรือไม่ เพราะจะเป็นบทพิสูจน์ความเป็นฝ่ายค้านมืออาชีพ ไม่เช่นนั้น ข้อครหามีดีลลับจูบปากสีน้ำเงิน ก็จะติดตัวต่อไปและอาจสะเทือนความนิยมลงได้
ยิ่งช่วงหลังบรรดาผู้มีอิทธิพลตัวจริงของพรรค ดูเหมือนจะเริ่มตกผลึกว่า การเดินแบบเดิมยิ่งทำให้อ่อนล้า ทำไมไม่ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมทางการเมืองที่เป็นอยู่
เรื่องบางเรื่องจากที่คนคนเดียวรับผิดชอบเป็นหลัก ก็จะเบาลงเพราะมีหลายท่อน้ำเลี้ยงระดมเข้ามาช่วย
ถึงอย่างนั้นก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า ค่ายส้มเก่งในเรื่องการโหมสตอรี่ กระตุ้นให้โหวตเตอร์มีความรู้สึกร่วมไปกับกระแสต่อต้าน
ทำนองว่าเมื่อเลือกฉันแล้ว พูดได้เต็มปาก บอกไปก็ไม่อายใคร ต่างจากหลายพรรคการเมือง ถ้าบอกไปก็คงมีคำถามกลับมาจะไปเลือกทำไม
โจทย์ใหญ่ของ“ไทยก้าวใหม่” คือจะสู้ในสนามไหนที่ถนัด และล็อกเป้าหมายกลุ่มใดเนื่องจากหลายฝ่ายคาดกันว่า พรรค“ดร.เอ้” น่าจะโฟกัสกลุ่มคนชั้นกลางเป็นหลักหรือไม่อย่างไร รวมถึงคนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใคร
เพราะดูจากนโยบายธนู 4 ดอก ปฏิรูปประเทศให้สตรอง ผ่านโลโก้สีเหลืองเลมอน ชี้เฉียงขึ้นขวา
ดอกแรก สร้างคนใหม่ พลิกโฉมการศึกษา ดอกสอง สร้างเศรษฐกิจ ลงทุนในวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม ดอกสาม สร้างคุณภาพชีวิตคนไทย และดอกสี่ ปราบคอร์รัปชั่น จัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบบล็อกเชน และAI ปฏิรูประบบราชการอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ
ยังไม่เห็นนโยบายซื้อใจแนวประชานิยม ความกล้าที่เน้นในแนวทางแก้ปัญหาโครงสร้าง โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ที่หลายพรรคแทบไม่ให้ความสนใจ เพราะกว่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรม ต้องใช้แรง เวลาและงบประมาณมหาศาล เลยไม่ตอบโจทย์การเมืองในมุมมองของนักการเมืองทั่วไป ที่ต้องการความสำเร็จแบบรวดเร็วทันใจ
ถ้า ดร.เอ้ รู้ถึงเงื่อนไข และข้อจำกัดในการเมืองรูปแบบเดิมเหล่านี้ และเห็นตัวอย่างที่ไม่ประสบความสำเร็จของพรรคการเมืองใหม่ที่ผ่านมา แทนที่จะปักหลักกับบ้านหลังเดิม น่าจะเซฟตัวเองได้มากกว่า แต่กลับเลือกลุยสร้างพรรคใหม่ ก็ถือว่าบ้าดีเดือดไม่ใช่น้อย
เดิมพันสำคัญของพรรคไทยก้าวใหม่ในสนามเลือกตั้ง จะสอดแทรกบรรดาคู่ต่อสู้ตัวฉกาจได้หรือไม่อย่างไร คงจะได้เห็นในอีกไม่นานนับจากนี้







