'กมธ.MOU' สว. ชี้ MOU43 เสี่ยงขัด รธน. หลังไร้หลักฐาน ครม.เห็นชอบ

'กมธ.MOU' สว. ชี้ MOU43 เสี่ยงขัด รธน. หลังไร้หลักฐาน ครม.เห็นชอบ

"กมธ.ศึกษา MOU" ชี้ MOU 43 สุ่มเสี่ยงขัด รธน. หลังไม่พบหลักฐานได้ขอความเห็นชอบ ครม. จ่อเสนอ "อนุทิน" ให้ตั้ง กก.ตรวจสอบ ก่อนดำเนินการทบทวน

ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานความคืบหน้าการพิจารณาศึกษา ข้อดี-ข้อเสีย การยกเลิก เอ็มโอยู 2543 และเอ็มโอยู 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก เอ็มโอยู 2543 และเอ็มโอยู 2544 เพื่อแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีนายนพดล อินนา สว. เป็นประธานกมธ.

โดยการนำเสนอรายงานช่วงหนึ่ง นายคำนูณ สิทธิสมาน ฐานะที่ปรึกษา กมธ. ชี้แจงรายละเอียดต่อที่ประชุมตอนหนึ่งว่า จากการตรวจสอบในรายละเอียดของที่มาของเอ็มโอยู 2543 จะพบว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะขัดกับรัฐธรรมนูญ ระเบียบสำนักนายกฯ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และขัดกับบันทึกการประชุมเจบีซี ครั้งที่ 2 เอ เมื่อปี 2543 เนื่องจากมีข้อกำหนดต่อกระบวนการจัดทำเอ็มโอยู 2543 ที่ต้องส่งให้ ครม. เห็นชอบ แต่การตรวจสอบไม่พบว่ามีการเสนอให้ ครม. เห็นชอบ มีเพียงการเสนอให้รับทราบเท่านั้น ทั้งที่ระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนดบทบัญญัติไว้ชัดเจน รวมไปถึงบันทึกการประชุมเจบีซีครั้งที่ 2 เอ เมื่อปี 2543 ที่ระบุว่า เมื่อจะทำเอ็มโอยูทั้งสองฝ่ายจะเสนอเอ็มโอยูต่อรัฐบาลของตนเพื่อขอความเห็นชอบ

“การตรวจสอบเรื่องนี้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 224 วรรคแรก กำหนดไว้ว่าครม.ต้องเห็นชอบ แต่ที่ผ่านมาพบว่ามีเพียงเสนอให้รับทราบ ดังนั้นกลัวจะเป็นปัญหา ว่าขัดกับกฎหมาย หรือไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จำเป็นต้องเสนอรายงานเบื้องต้นนี้ ไปยัง ครม. ให้พิจารณาว่าจะดำเนินการยืนยัน ทบทวน หรือ โต้แย้งความเห็นของ กมธ.ต่อไป” นายคำนูณ ชี้แจง

นายคำนูณ ชี้แจงต่อว่า ปัจจุบันมีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ หาก ครม. เห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ ต้องหาคำตอบเบื้องต้น ครม. อาจตั้งคำถามไปยังกฤษฎีกา และนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดไปให้พิจารณาว่า มีความสมบูรณ์ ถูกต้อง บกพร่องหรือไม่  ส่วนผลที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างไร ครม. สามารถแก้ไข ปรับปรุง หรือตัดสินใจได้  ขณะที่เอ็มโอยู 2544 กมธ.ได้ตรวจสอบในประเด็นเดียวกัน พบว่าค่อนข้างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ไม่เหมือนกับ เอ็มโอยู 2543 ที่สุ่มเสี่ยงขัดกับรัฐธรรมนูญ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการเสนอรายงานผลการพิจารณาเบื้องต้น กมธ.ได้เสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาเห็นชอบขยายเวลาการพิจารณาศึกษา ออกไปเป็นกรณีพิเศษ อีก 90 วัน เนื่องจากมีความละเอียดซับซ้อน มีผลกระทบต่อความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างไรก็ดีนายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สว. ฐานะ กมธ.การต่างประเทศ วุฒิสภา คัดค้านการขยายเวลาดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่ามีความซำ้ซ้อนกับกมธ.สามัญ เช่น กมธ.การต่างประเทศ ที่ได้ศึกษาเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ทำเรื่องดังกล่าวในชั้นของสภาฯ ด้วย

ขณะที่ น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. อภิปรายสนับสนุนให้ขยายเวลาดังกล่าว เนื่องจากมองว่า กมธ.ควรมีข้อเสนอที่ตรงประเด็นในรายละเอียดที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่เขตแดนทางทะเลที่ทับซ้อน บริเวณเกาะกูด

ส่วนนายเดชา นุตาลัย สว. เสนอความเห็นตอนหนึ่งว่า ตนไม่ติดใจว่าจะขยายเวลาศึกษาหรือไม่ แต่ในเอ็มโอยู   2543 มีถ้อยคำที่ระบุตอนหนึ่งว่า มีความสัมพันธ์อันดี อย่างเป็นมิตรไมตรีดีต่อกัน แต่ขณะนี้ไม่ได้ดีต่อกันแล้ว ในทางกฎหมายเหมือนว่าควรตกไปได้แล้ว

อย่างไรก็ดีก่อนที่จะมีการลงมติตัดสิน นายปริญญา กล่าวว่า ไม่ติดใจ และถือว่าให้เป็นข้อสังเกตต่อ กมธ. เพื่อศึกษาต่อไป ทำให้ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ฐานะประธานในที่ประชุม ได้กล่าวว่า ถือว่ามติที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายเวลา อย่างไรก็ดีการดำเนินการขณะนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้ลงนามข้อตกลงขั้นต้นไปแล้ว และมีท่าทีต่างๆ ของกัมพูชา  ทั้งนี้เรื่องเอ็มโอยู 2543 และ เอ็มโอยู 2544 นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต่อการเสียดินแดน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์