‘ชินวัตร’ถอดชนวน‘ยุบเพื่อไทย’ เปลี่ยนม้ากลาง‘ศึกเลือกตั้ง 69’

‘ชินวัตร’ถอดชนวน‘ยุบเพื่อไทย’ เปลี่ยนม้ากลาง‘ศึกเลือกตั้ง 69’

ยุทธศาสตร์ "ชินวัตร" ถอย "แพทองธาร" ออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อรักษาพรรคให้รอด ป้องกันจุดเสี่ยงถูกฝ่ายตรงข้ามเล่นงานร้องยุบพรรคในเกมเสี่ยงปม "จริยธรรม"

KEY

POINTS

  • แพทองธาร ชินวัตร จำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ป้องกันความเสี่ยงที่พรรคจะถูกยุบจากผลพวงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในปมร้อน "จริยธรรม"
  • แพทองธาร จะยังคงมีสถานะ "หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย" เพื่อเป็นสัญลักษณ์และแกนนำพรรรคในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
  • "เพื่อไทย" ต้องยกเครื่องใหม่เพื่อฟื้นแต้มนิยมที่ร่วงลง ตั้งเป้ากวาด สส. 200 ตามที่ "สุริยะ" ผอ.เลือกตั้ง ประเมิน
  • หัวหน้าพรรคคนใหม่ไม่ใช่ตระกูลชินวัตรแต่เป็นคนในพรรค โดยมีชื่อ "จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" เป็นตัวเต็ง ด้วยดีกรีพรรษาทางการเมืองที่มาก ครบเครื่องและเป็นคนรุ่นใหม่

จับตายุทธศาสตร์ “ยกเครื่องพรรคเพื่อไทย” หลัง“แพทองธาร ชินวัตร” จำเป็นต้องถอยออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค 22 ต.ค.2568 กลางที่ประชุม สส. ด้วยผลพวงคดีคลิปเสียง เพื่อรักษาพรรคให้อยู่รอดต่อไป

แม้การลาออกของ“นายน้อย”จะเป็นผลเสียต่อกระแส แต่ก็ต้องได้ให้ความมั่นใจว่า ยังทำหน้าที่ “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” อย่างแข็งขัน เพื่อรั้ง สส.เกรดเอ ไม่ให้ถูกซื้อตัว ย้ายขั้วไปอยู่ฝั่งตรงข้าม ห้ามอาการ สส.เลือดไหลออกอีก

เพื่อไทย เพิ่งจะคิกออฟยุทธศาสตร์เปิดตัว สส.เกรดเอ ไปเมื่อ 7 ต.ค.2568 เพื่อสื่อสารให้สาธารณชนรับรู้ว่า ค่ายแดงมีผู้เสนอตัวลง สส.แน่ๆ 185 คน พร้อมไปต่อ

ขณะเดียวกัน ยังยกเครื่อง ด้วยการแต่งตั้ง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นผอ.การเลือกตั้ง พร้อมตั้งเป้าผลงานกวาด สส.ไว้ที่ 200 ที่นั่ง

อย่างไรก็ตาม ภายใต้บริบททางการเมืองที่ “ความนิยม”ของ “เพื่อไทย” อยู่ในภาวะขาลง ตั้งแต่ปัญหาคลิปเสียงแพทองธาร-ฮุน เซน นอกจากต้องสูญเสียสถานะรัฐบาลแล้ว ล่าสุดกำลังลามมาถึงพรรคเพื่อไทย

‘ชินวัตร’ถอดชนวน‘ยุบเพื่อไทย’ เปลี่ยนม้ากลาง‘ศึกเลือกตั้ง 69’

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 29 ส.ค.2568 ชี้ว่า แพทองธาร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะขาดคุณสมบัติ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้ไม่สามารถไปต่อได้ในทางการเมือง

บรรดาผู้มีประสบการณ์ทางการเมือง และนักกฎหมายในพรรค กังวลต่อปัญหา ที่“แพทองธาร” ยังอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรค อาจมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกฝ่ายตรงข้ามเล่นงาน โดยกลไกทางกฎหมาย ที่แพทองธารจะต้องลงนามส่งสส.ลงสมัคร โดยหวังให้นำไปสู่การยุบพรรคได้ 

ล่าสุดเริ่มได้สัญญาณจากนักร้อง ที่เตรียมปฏิบัติการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จึงทำให้เพื่อไทยต้องตัดสินใจสกัดเกมเสี่ยงนี้

ที่สำคัญคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีผลผูกพันทุกองค์กร ซึ่งตามข้อบังพรรคเพื่อไทยก็กำหนดเรื่องคำวินิจฉัยของศาลไว้ด้วย  ตาม ข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ. 2561 ข้อ 50 คณะกรรมการบริหารมีอํานาจหน้าที่  ต้องดําเนินกิจกรรมของพรรคให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย นโยบายข้อบังคับพรรค และมติของที่ประชุมใหญ่ของพรรค รวมตลอดทั้งระเบียบ ประกาศ และคําสั่งของคณะกรรมการการเลือกตั้งและของนายทะเบียนพรรคการเมือง

ฉะนั้น การถอยออกจากฉากหน้าของลูกสาวคนเล็กของ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็เพื่อความจำเป็น ในการรักษาพรรคเอาไว้ก่อน

อย่างไรก็ตาม "แพทองธาร" ยังคงสถานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และจะใช้ตำแหน่งนี้ในการเป็นหลัก เป็นสัญลักษณ์ของตระกูลชินวัตร ในการนำพรรคหาเสียงในศึกเลือกตั้งใหญ่ 

ย้อนเส้นทางการเมืองของ “แพทองธาร” เปิดตัวหน้าฉากครั้งแรกกับพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2564 ในฐานะประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ระหว่างการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่ จ.ขอนแก่น

จากนั้นมีบทบาทเพิ่มในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2565 ซึ่งเปรียบเสมือนหัวหน้าพรรคตัวจริงในทางพฤตินัย ระหว่างทำกิจกรรมเปิดตัว “ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่ หัวใจดวงเดิม” ที่ จ.อุดรธานี

บทบาทของ “แพทองธาร” เริ่มเด่นชัดมากขึ้น หลังมีการยุบสภาเมื่อต้นปี 2566 เธอเข้าสู่สนามเลือกตั้งในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย พร้อม “เศรษฐา ทวีสิน” และ “ชัยเกษม นิติสิริ”

จากห้วงเวลาเริ่มต้นอยู่หน้าฉากทางการเมืองของ “แพทองธาร” เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2564 กระทั่งถอยอยู่ฉากหลังด้วยการลาออกหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2568 เป็นเวลาเกือบ 4 ปีเต็มที่ใช้เวลาเพียงระยะสั้น จนขึ้นสู่จุดสูงสุดนายกรัฐมนตรีคนที่ 31

สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยในเวลานี้ จึงจำเป็นต้องยกเครื่องตามเป้าหมายที่ประกาศเอาไว้เพื่อดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาอยู่หน้าฉากพลิกฟื้นเรตติ้งที่ร่วงลง หากวัดจากผลสำรวจของ“นิด้าโพล” ในไตรมาส 2 กระแสความนิยมพรรคการเมือง เพื่อไทยร่วงหล่นมาอันดับ 4 ที่ร้อยละ 9 ขณะที่ “แพทองธาร”ร่วงหล่นมาอันดับ 5 ร้อยละ 9.2 แพทองธาร ชินวัตร จากที่เคยยืนอันดับ 1 ต้นปี 2568

ขณะที่ผลสำรวจไตรมาส 3 พรรคประชาชนยังมาเป็นอันดับ 1 ร้อยละ 33.08 โดยคะแนนร่วงจากไตรมาส 2 ที่เคยได้ร้อยละ 47.08 ขณะที่อันดับ 2 ยังหาพรรคที่เหมาะสมไม่ได้ ร้อยละ 21.6 พุ่งขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ได้ร้อยละ  7.72

อันดับ 3 พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 13.9 โดยขยับขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ได้ร้อยละ 11.5 อันดับ 4 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 13.24 ขยับขึ้นจากเดิมที่ไตรมาส ได้ร้อยละ 9.76

ขณะที่ บรรดา ว่าที่ผู้สมัคร สส.ของพรรคเพื่อไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มอง การออกจากหัวหน้าพรรคครั้งนี้ของ “แพทองธาร”ว่า เป็นผลดีต่อผู้สมัคร เพราะจะทำให้สามารถชี้แจงกับชาวบ้านได้ง่ายขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ต้องเผชิญข้อครหาและกระแสคัดค้านจากคนในพื้นที่รวมทั้งคนเสื้อแดงอย่างหนักจากคลิปเสียง และเชื่อมั่นว่ากระแสพรรคจะฟื้นขึ้นได้ หากได้หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ ที่มีภาพลักษณ์ดี

‘ชินวัตร’ถอดชนวน‘ยุบเพื่อไทย’ เปลี่ยนม้ากลาง‘ศึกเลือกตั้ง 69’

เมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนฉาก โฟกัสไปยังผู้นำเพื่อไทยคนใหม่ ซึ่งไม่ใช่คนตระกูลชินวัตร แต่เป็นคนภายในพรรค ล่าสุด ชื่อที่มีการโยนหินถามกระแสในหมู่ สส. ต้องการผู้ที่เป็น สส.ในปัจจุบัน เพราะด้วยบริบทการเมืองปัจจุบัน จำเป็นต้องใช้ สส.ที่มีประสบการณ์ มีพรรษาทางการเมืองและภาพลักษณ์ในการชี้แจงภารกิจพรรค และหักล้างข้อกล่าวหาที่เป็นบาดแผลใหญ่โดยเฉพาะคลิปเสียงในระหว่างเสียง

ชื่อของ“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์”สส.เชียงใหม่ อดีตรมช.คลัง เริ่มถูกพูดถึง ซึ่งเพื่อนสมาชิกให้การยอมรับ ในเรื่องความเชี่ยวชาญงานด้านการเมือง มีความเข้าใจเกมการเมืองในสภาฯ เคยผ่านการเป็นวิปฝ่ายค้าน รวมทั้งอายุก็ยังไม่เยอะ แต่ผ่านการเป็น สส.มา 5 สมัย เป็น รมช.คลัง ในรัฐบาลเศรษฐา และรัฐบาลแพทองธาร ขณะเดียวกันยังมีดีเอ็นเอของ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่อ่านเกมการเมืองออก

นอกจากนี้ ยังมีชื่อของ “จาตุรนต์ ฉายแสง” อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่มีภาพลักษณ์จุดยืนในเรื่องประชาธิปไตย แต่ด้วยความที่เป็นนักการเมืองมีความคิดเห็นเป็นอิสระ มีความเป็นตัวเองสูง ชื่อนี้อาจถูกเลือกได้น้อยภายใต้บริบทที่ “คนชินวัตร” ยังคงกุมทิศทางพรรคเพื่อไทยอยู่และยังมี “สุริยะ”เป็นอีกขา คุมยุทธศาสตร์เลือกตั้งของพรรค

ขณะที่ชื่อของเลขาธิการพรรค นั้นมีการมองคนที่มาจากสายของ "สุริยะ" ที่จะคอยเชื่อมประสานกับ สส. โดยมีชื่อของ "มนพร เจริญศรี" สส.นครพนม และอดีต รมช.คมนาคม ขึ้นชื่อเรื่องเป็นนักประสานสิบทิศได้ทั้งคนในพรรคเพื่อไทยและนอกพรรค อีกทั้งเป็นขุนพลข้างกายเดอะซัน เป็นมือทำงานที่ สส.เข้าถึงได้ง่ายและให้ความเคารพสูง 

นอกจากนี้ยังปฏิเสธชื่อ "พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ" อดีต รมว.แรงงาน ออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคไม่ได้ ซึ่งถือว่าเป็นหลานแท้ๆ ของ "สุริยะ" และ สส.ในพรรคก็ต่างสนับสนุนได้ด้วยเช่นกัน

‘ชินวัตร’ถอดชนวน‘ยุบเพื่อไทย’ เปลี่ยนม้ากลาง‘ศึกเลือกตั้ง 69’

‘ชินวัตร’ถอดชนวน‘ยุบเพื่อไทย’ เปลี่ยนม้ากลาง‘ศึกเลือกตั้ง 69’

อย่างไรก็ตาม หากนับในยุค “เพื่อไทย” ผ่าน “หัวหน้าพรรค” มา 8 คน มีเพียง “แพทองธาร” เท่านั้นที่มีอิสระในการขับเคลื่อนพรรค แตกต่างจาก “หัวหน้าพรรค” คนนอกตระกูลชินวัตร ที่ต้องรอคำสั่ง “เจ้าของพรรค”

ย้อนตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย 1. บัณจงศักดิ์ วงศ์รัตนวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คนแรก เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ปัจจุบันเป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยลำดับ 58 (20 ก.ย. 2550 - 20 ก.ย. 2551)

2.สุชาติ ธาดาดำรงเวช เป็นหัวหน้าพรรคช่วงเปลี่ยนผ่านจากพรรคพลังประชาชน มาสู่พรรคเพื่อไทย (21 ก.ย. 2551 - 19 พ.ย. 2551)

3. ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ไม่กี่วันหลังจากพรรคพลังประชาชนถูกยุบ และ สส.พรรคพลังประชาชน ย้ายมาอยู่พรรคเพื่อไทย “ยงยุทธ” ก็ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรค

โดยทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคนำพรรคในการเลือกตั้ง 3 ก.ค.2554 และชนะเลือกตั้ง มี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ กระทั่งเขาลาออกจากหัวหน้าพรรค เนื่องจากเผชิญคดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ (7 ธ.ค. 2551 - 4 ต.ค. 2555)

4. จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่พรรค ให้มาดำรงตำแหน่งแทน “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” เป็นหัวหน้าพรรค กระทั่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถูกรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 เขาตัดสินใจลี้ภัยไปอยู่สหรัฐอเมริกา จนถึงปัจจุบัน (30 ต.ค. 2555 - 16 มิ.ย. 2557)

5. พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในช่วงที่ยุครัฐประหาร ปี2557 และนำพรรคลุยศึกเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 (28 ต.ค. 2561 -2 ก.ค. 2562)

6. สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคแทน พล.ต.ท.วิโรจน์ และเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ เพราะ พล.ต.ท.วิโรจน์ ไม่ได้เป็น สส.ไม่สามารถเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ (12 ก.ค.2562 - 28 ต.ค. 2564)

7. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รับไม้ต่อจาก “สมพงษ์” หลังพรรคเพื่อไทยรีแบรนด์พรรคใหม่ ให้ดูทันสมัย เพื่อดึงแต้มจากคนรุ่นใหม่ และนำพรรคเพื่อไทยหาเสียงในการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 (28 ต.ค. 2564 - 30 ส.ค. 2566)

‘ชินวัตร’ถอดชนวน‘ยุบเพื่อไทย’ เปลี่ยนม้ากลาง‘ศึกเลือกตั้ง 69’

จับตาโฉมหน้ากรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่เพื่อไทยดีเดย์นัดเคาะวันที่ 31 ต.ค. 2568 ในวันฮาโลวีน ที่อาจจะได้เห็นส่วนผสมคนรุ่นใหม่ คนรุ่นกลาง และคนมีประสบการณ์ทางการเมือง 

แม้ “ตระกูลชินวัตร” จำเป็นต้องถอยออกจากหน้าฉาก แต่แน่นอนว่า หลังฉากทั้ง 3 VIP ยังกุมอำนาจเต็ม โดยยังมีความหวังที่จะพลิกฟื้นสถานการณ์เพื่อไทย เพื่อกลับเข้าสู่อำนาจรัฐเช่นทุกครั้ง