ส่องยุทธศาสตร์ กทม.‘ค่ายแดง’ โมเดลผนึกคู่แข่ง สู้กระแสส้ม

ส่องยุทธศาสตร์ กทม.‘ค่ายแดง’  โมเดลผนึกคู่แข่ง สู้กระแสส้ม

ต้องจับตายุทธศาสตร์พื้นที่เมืองหลวง ที่อาจใช้กลยุทธ์รวมเสียงจาก“อดีตคู่แข่ง-อดีตผู้สมัครสส.” อย่าง“พลภูมิ-แมน” เป็นโมเดลหนึ่งของเพื่อไทยโดยเฉพาะสนาม กทม.ในเขตพื้นที่เข้มแข็ง เพื่อเติมฐานคะแนน ที่มีโอกาสเอาชนะกระแสส้ม

KEY

POINTS

  • พรรคเพื่อไทยวางยุทธศาสตร์ทวงคืนเก้าอี้ สส. ในพื้นที่กรุงเทพฯ หลังพ่ายแพ้ให้กับกระแสพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดซึ่งได้ สส. เพียง 1 ที่นั่ง
  • ใช้โมเดล "ผนึกคู่แข่ง" โดย พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ได้ดึงตัว แมน เจริญวัลย์ ซึ่งเป็นอดีตคู่แข่งทางการเมืองในพื้นที่เขตคันนายาว-บึงกุ่ม มาร่วมงานกับพรรค
  • เป้าหมายของกลยุทธ์นี้คือการรวมฐานคะแนนเสียงของทั้งสองคน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเอาชนะผู้สมัครจากพรรคประชาชน (อดีตพรรคก้าวไกล)

พรรคเพื่อไทยจัดกิจกรรมเปิดตัวผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร สส.อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาพื้นที่หน้าสื่อ ไม่ให้พรรคหลุดโฟกัส หลังอำนาจรัฐหลุดมือไป

“แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดแคมเปญ “ยกเครื่องเพื่อไทย” เร่งฟื้นศรัทธา เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งต้นปีหน้า วางตัวว่าที่ผู้สมัครในพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั้งประเทศ

โดยพื้นที่ภาคอีสาน - ภาคเหนือ ยังเป็นโฟกัสหลักของ “แพทองธาร” และ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ซึ่งสามารถตรึง “สส.ค่ายแดง” เอาไว้ได้ในหลายพื้นที่ แม้จะโดนแรงดูดจาก “ค่ายน้ำเงิน” อย่างหนัก

อีกพื้นที่ที่ “หัวหน้าอิ๊งค์”หมายทวงเก้าอี้ สส.กลับคืนมาให้ได้ คือพื้นที่ “เมืองหลวง” 

การเลือกตั้งปี 2566 “อดีตพรรคก้าวไกล” โหมกระแสสีส้ม จนกวาด สส.กทม.ไปได้ 32 ที่นั่ง เหลือให้ “พรรคเพื่อไทย” เพียง 1 ที่นั่ง โดย “สส.อิ่ม” ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ผ่านด่านเข้ามาได้เพียงคนเดียว คือเขตลาดกระบัง

มาเที่ยวนี้ พรรคเพื่อไทยวางยุทธศาสตร์แบ่งโซนรับผิดชอบ พื้นที่เป้าหมายจะอยู่ในโซนรอบนอก ซึ่งบรรดา “อดีต สส.” ยังไม่ทิ้งพรรคไปไหน โดยมีการปรับแผนเชิงกลยุทธสู้กับ “กระแสสีส้ม”

เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2568 ที่ผ่านมา มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม.7 คน ประกอบด้วย นพวิชญ์ ไทยแท้ หรือภูผา แมน เจริญวัลย์ ขจรศักดิ์ ประดิษฐาน ธกร เลาหพงศ์ชนะ กวีวงศ์ อยู่วิจิตร เสาวนีย์ คงวุฒิปัญญา และสายัณห์ จันทร์เหมือนเผือก แม้จะยังไม่ระบุเขต แต่หลายคนเริ่มลงพื้นที่ เพื่อแนะนำตัว สร้างการรับรู้ในเพื้นที่เมืองหลวง

จับตาไปที่ “เสี่ยเอก” พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ซึ่งรับผิดชอบ กทม. โซน 2 มี 9 เขต ประกอบด้วย วังทองหลาง บางเขน บึงกุ่ม คันนายาว บางกะปิ สะพานสูง สวนหลวง คลองสามวา ลาดพร้าว มีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ที่จะใช้สู้ศึกเลือกตั้ง เพื่อสู้กระแสสีส้ม

โดยพื้นที่เขตคันนายาว-บึงกุ่ม (เฉพาะแขวงคลองกุ่ม) และเขตลาดพร้าว (เฉพาะแขวงลาดพร้าว) และเขตบึงกุ่ม (ยกเว้นแขวงคลองกุ่ม) “พลภูมิ” เปิดดีลดึงคู่แข่งอย่าง “แมน เจริญวัลย์” อดีตผู้สมัคร สส.กทม. มาร่วมงานที่พรรคเพื่อไทย

ส่งผลให้การชิงเก้าอี้ สส. กทม. เขตคันนายาว - บึงกุ่ม “ค่ายสีแดง” มีลุ้นขึ้นทันที เนื่องจากมีการถ่ายโอนคะแนนระหว่าง “พลภูมิ” และ “แมน” 

ย้อนกลับไปดูการเลือกตั้งปี 2562 “พลภูมิ” จากพรรคเพื่อไทย คว้าชัย ได้ 31,445 คะแนน ส่วน “แมน” จากพรรครวมพลังประชาชาติไทย อันดับ 4 ได้ 5,518 คะแนน

การเลือกตั้งปี 2566 วิทวัส ติชะวาณิชย์ จากอดีตพรรคก้าวไกล (พรรคประชาชน ในปัจจุบัน) คว้าชัยได้ 35,904 คะแนน ขณะที่ “พลภูมิ” อันดับ 2 ได้ 28,121 คะแนน และ “แมน” จากพรรคไทยสร้างไทย อันดับ 4 ได้ 6,613 คะแนน

หากเจาะลึกลงในฐานเสียงของ “พลภูมิ” จะอยู่ที่ 28,000-30,000 คะแนน หากได้ฐานเสียงของ “แมน” ซึ่งอยู่ที่ 5,000 - 6,5000 คะแนน อาจทำให้ฐานของ “พลภูมิ” ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 30,000 - 35,000 คะแนน สามารถสู้กับ“กระแสสีส้ม”ได้อย่างมีลุ้น

ขณะเดียวกัน “แมน” จะสลับไปลงชิง สส.กทม. เขตลาดพร้าว (เฉพาะแขวงลาดพร้าว) และเขตบึงกุ่ม (ยกเว้นแขวงคลองกุ่ม) แทนที่ของ “อ๋อม” สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ซึ่งการเลือกตั้งปี 2566 “สกาวใจ” ได้ 22,312 คะแนน แพ้ให้กับ ร.ท.ธนเดช เพ็งสุข จากอดีตพรรคก้าวไกล (พรรคประชาชน) ที่กวาดไปได้ 43,186 คะแนน

ต้องยอมรับว่า “พลภูมิ - แมน” แม้จะเป็นคู่แข่งแย่งชิงเก้าอี้ สส. กันมาอย่างยาวนาน แต่ความสัมพันธ์เพื่อนพ้องน้องพี่ มักมีไมตรีที่ดีกันมาโดยตลอด

ต้องจับตายุทธศาสตร์พื้นที่เมืองหลวง ที่อาจใช้กลยุทธ์รวมเสียงจาก“อดีตคู่แข่ง-อดีตผู้สมัครสส.” อย่าง“พลภูมิ-แมน” เป็นโมเดลหนึ่งของเพื่อไทยโดยเฉพาะสนาม กทม.ในเขตพื้นที่เข้มแข็ง เพื่อเติมฐานคะแนน ที่มีโอกาสเอาชนะกระแสส้ม