'สภาฯ' ถกนิรโทษกรรม 'ณัฐวุฒิ' แจงปรับเนื้อหาให้คลุมทุกกลุ่ม-สี

สภาฯ ถกร่างกม.สันติสุขแล้ว "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" แจงปรับเนื้อหาหลายมาตรา หวังนิรโทษกรรม-ล้างผิดครอบคลุมคนทุกกลุ่ม-ทุกสี ที่ต้องคดีการเมือง
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯ ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ... ซึ่ง คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ที่มีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นประธาน กมธ. ได้พิจารณาแล้วเสร็จในวาระสอง
โดยนายณัฐวุฒิ นำเสนอรายงานต่อที่ประชุมสภาฯ ตอนหนึ่งว่า การทำงานของกมธ. ได้พิจารณาขยายพื้นที่การนิรโทษกรรมให้ครอบคลุมทุกกลุ่มบุคคล ทุกกลุ่มการเมือง ผู้เคลื่อนไหวท่ีมีแรงจูงในจทางการเมือง ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาให้มากที่สุด โดยอยู่ในกรอบหลักการของร่างพ.ร.บ. ทั้ง3 ฉบับที่สภารับหลักการวาระแรก ทั้งนี้กมธ.ได้แก้ไขเนื้อหาหลายมาตรา เช่น การนิรโทษกรรมคดีอาญา เสนอเพิ่มความผิดพินัย ให้ชัดเจน ครอบคลุมมากขึ้น กรณีความผิดทางแพ่ง กมธ.เห็นชอบให้ยุติบังคับคดีทางแพ่ง ส่วนการคืนเงิน ทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดนั้นตัดออก
นายณัฐวุฒิ ชี้แจงต่อว่าสำหรับองค์ประกอบของกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุข ได้ปรับให้ให้มี นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกฯที่นายกฯมอบหมายเป็นประธาน และมีรมว.ยุติธรรม ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นกรรมการ ปลัดสำนักนายกฯ เป็นกรรมการและเลขานุการ และมีองค์ประกอบที่มาจากภาคประชาชจผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ที่เสนอชื่อจากวิปรัฐบาล มติวิปฝ่ายค้าน และการเสนอชื่อจากประธานสภา พร้อมกับปรับบทบาทของกรรมการให้ครอบคลุมหลายด้าน ทั้งนี้ได้ปรับให้ กรรมการ นัดประชุมครั้งแรกภายใน 30 วันนับจากที่กฎหมายบังคับใช้ เพราะมองว่าการลบเลือน เยียวยาบาดแผล การทำงานของกรรมการไม่ควรช้า
นายณัฐวุฒิ ชี้แจงต่อว่ามีประเด็นที่พูดถึงต่อกรณีของเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งทำผิดกฎหมาย ที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง กมธ.ได้เพิ่มให้มีสิทธิเสนอเรื่องทำสู่กรรมการ เพื่อขอเข้ากระบวนการรอการกำหนดโทษ หากกรรมการเห็นชอบ ส่งเรื่องไปที่พนักงานอัยการ หากเรื่องอยู่ในชั้นอัยการพิจารณาได้ หากอยูในั้นศาลจะถูกส่งเรื่องให้พิจารณาเป็นรายกรณี ทั้งนี้ไม่ได้เติมหรือเพิ่มอำนาจให้ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร แทรกแซงฝ่ายตุลาการ แต่เป็นไปภายใต้กรอบกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาเด็ก และเยาวชน ที่มีบทบัญญัติกำหนดไว้ ซึ่งกมธ.นำมาเขียนให้ชัดและให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเป็นรายกรณี โดยมีเงื่อนไข และวิธีการ ที่ผู้ที่ประสงค์เข้ากระบวนการอการกำหนดโทษรับปฏิบัติต่อไป
“ในบัญชีแนบท้ายของร่างพ.ร.บ. จากเดิมเสนอ 12 ฐานความผิด กมธ. พิจรณาหารือและแสวงหาข้อมูลจากรอบด้าน ได้ขยายเพิ่มฐานความผิดที่ได้รับนิรโทษกรรม อีกหลายฐานความผิด เพื่อครอบคลุมให้กว้างขวางที่สุด และแน่ใจวาการพิจารณาของกรรมการตามกฎหมาย น่าจะยื่นโอกาส และความพยายามเยียวยาบาดแผลจากความขัดแย้งไปสู่ทุกกลุ่ม ทุกค่าย ทุกสีได้” นายณัฐวุฒิ ชี้แจง
ประธานกมธ. ชี้แจงต่อสภาฯ ด้วยว่า สำหรับคนที่เคลื่อนไหวและต่อสู้ทางการเมืองที่คดีเดินเร็ว ถูกพิพากษาจำคุก เช่น คนเสื้อแดง กมธ. เห็นชอบให้เพิ่มบทลบล้างประวัติอาชญากรรม ล้างให้ทุกขั้นตอนและจากหน่วยงาน ให้เป็นผู้ไม่เคยทำผิด ไม่เคยถูกดำเนินคดี ไม่เคยต้องโทษจากความเคลื่อนไหวขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเรื่องดังกล่าวใครไม่เจอไม่เข้าใจ เพราะมีผลกระทบต่อชีวิต เพราะมีประวัติถูกบันทึกไว้ในแฟ้มอาชญากรรม
“การออกกฎหมายฉบับนี้ มีกมธ.พิจารณา 32 คน ซึ่งการทำกฎหมายไม่ได้ทำให้ความเชื่อทางการเมืองของแต่ละฝ่ายสลายลงไปได้ แต่สิ่งที่จะบอกสังคม คือกมธ.พูดคุยกันได้ และมีวิธีหาคำตอบสุดท้าย เพื่อให้งานสำเร็จ โดยไม่ปรากฎขัดแย้งจนคุยไม่ได้ ไม่มีวอร์กเอาท์ เสนอนับองค์ประชุม หรือทำให้การทำงานของกมธ.เดินหน้าไม่ได้ ทั้งนี้การทำหน้าที่ของกมธ. ไม่มีใครได้ทั้งหมด และไม่มีใครเสียทุกอย่าง แต่ละกลุ่มแต่ละฝ่ายมีเป้าหมายประเด็นข้อเสนอของตัวเอง ในที่สุดแล้วตามร่างกฎหมายมีได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่การทำงานสามารถทำมาจนขอความเห็นชอบจากสภาร่วมกันได้” ประธานกมธ.ชี้แจง
จากนั้นได้เข้าสู่การพิจารณารายมาตรา วาระสอง โดยช่วงหนึ่ง นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย แจ้งต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ไม่ขอร่วมพิจารณาร่างกฎหมายเนื่องจากเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสีย เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองมาหลายครั้งและมีคดีติดตัว ทั้งนี้เพื่อให้ร่างกฎหมายนั้นบริสุทธิ์ และไม่ถูกมองว่าเป็นการผ่านร่างกฎหมายเพื่อตนเอง







