วิกฤติ‘ค่ายแดง’ พ่ายเลือกซ่อม 2 สนาม ‘นายทุน’หาย กระแส-กระสุนหด

วิกฤติ‘ค่ายแดง’ พ่ายเลือกซ่อม 2 สนาม  ‘นายทุน’หาย กระแส-กระสุนหด

วิกฤติคลิปเสียง “แพทองธาร” ยังไม่จางหาย วิกฤติ “นายทุน” หนีห่าง ยังเข้ามาซ้ำเติม จึงต้องลุ้นว่าเจ้าของพรรคจะแก้สถานการณ์ผ่านเรือนจำ เพื่อพลิกฟื้นวิกฤติครั้งนี้ได้หรือไม่  

KEY

POINTS

  • พรรคเพื่อไทย (ค่ายแดง) พ่ายแพ้การเลือกตั้งซ่อม 2 สนามติดต่อกัน ทั้งที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.กาญจนบุรี ให้กับพรรคภูมิใจไทย
  • กระแสความนิยมของพรรคลดลงอย่างต่อเนื่องจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะกรณีการกลับประเทศของคุณทักษิณ และคลิปเสียงสนทนาของคุณแพทองธาร ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น
  • กลุ่มนายทุนและผู้สนับสนุนทางการเงินเริ่มถอยห่าง ทำให้พรรคขาดแคลนทรัพยากรหรือ "กระสุน" ในการสู้ศึกเลือกตั้ง ซึ่งตรงข้ามกับคู่แข่งที่มีผู้สนับสนุนเพิ่มขึ้น

 

 

 

สถานการณ์ของ “พรรคเพื่อไทย” ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ภายหลังพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งซ่อม 2 สนามติดต่อกัน ทั้งศรีสะเกษ และกาญจนบุรี เป็นเรื่องสะท้อนขาลง “ค่ายสีแดง” ที่ความเชื่อมั่นดิ่งไม่หยุด ทั้งที่ศึกเลือกตั้งใหญ่กำลังจะมาถึง

สนามเลือกตั้งซ่อม เขต 5 ศรีสะเกษ “ค่ายแดง” พ่าย “ค่ายน้ำเงิน” โดย "จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล" จากพรรคภูมิใจไทย ได้ 40,246 คะแนน "ภูริกา สมหมาย" จากพรรคเพื่อไทย ได้ 31,577 คะแนน

เช่นเดียวกับสนามเลือกตั้งซ่อม เขต 4 กาญจนบุรี "วิสุดา วิเชียรศิลป์" จากพรรคภูมิใจไทยได้ 53,648 คะแนน เอาชนะ พล.อ.ชินวัฒน์ แม้นเดช จากพรรคเพื่อไทยที่ได้ 36,540 คะแนน

การพ่ายแพ้คู่แข่งโดยตรงอย่าง “ภูมิใจไทย” ทำให้ “เพื่อไทย” ต้องกลับมาทบทวนยุทธศาสตร์การเลือกตั้งอีกครั้ง เพราะในวันที่ “อำนาจรัฐ” หลุดมือ กระแสพรรคอยู่ในแดนลบ การจะเอาชนะในแต่ละพื้นที่ ไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา

ต้องยอมรับว่า กำเนิดพรรคการเมือง ภายใต้ร่มเงาของ “ตระกูลชินวัตร” ไล่ตั้งแต่ พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ช่วงก่อนจะพลิกขั้ว “ค่ายสีแดง” มีกระแส “ทักษิณ ชินวัตร” และแบรนด์ชินวัตร เป็นต้นทุนทางการเมือง ที่ได้เปรียบพรรคอื่นๆ มาโดยตลอด

ทว่า หลังการเลือกตั้งปี 2566 “ตระกูลชินวัตร” ใช้ต้นทุนแลก “ดีลปีศาจ” เพื่อเปิดทางให้ “ทักษิณ” กลับมาเหยียบแผ่นดินไทย แม้จะได้รับสิทธิพิเศษลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี แต่ปมรักษาตัวขั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ กลับมาทิ่มแทง จนต้องกลับเข้าเรือนจำอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนหลักที่ทำให้ “ชินวัตร - เพื่อไทย” เดินเข้าสู่จุดตกต่ำ คือปมคลิปสนทนาระหว่าง “แพทองธาร” กับ “ฮุน เซน” ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของ “เพื่อไทย” ทันที เนื่องจากตระกูลชินวัตร และตระกูลฮุน เซน มีความสนิทชิดเชื้อกันมานาน

“เพื่อไทย” รู้ดีว่ากระแสติดลบ ส่งผลต่อการเลือกตั้งซ่อม จ.ศรีสะเกษ จ.กาญจนบุรี จึงไม่ยกทีมหาเสียงชุดใหญ่ลงพื้นที่ มีเพียงหน่วยจรยุทธลงไปควบคุมทิศทางการเลือกตั้ง

ที่สำคัญ “แพทองธาร” ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดนกันซีนออกห่างพื้นที่เลือกตั้งซ่อม เพราะหากไปปรากฏตัวในพื้นที่ นอกจากจะไม่มีแต้มจากผู้นำของพรรคมาเสริมให้ผู้สมัครแล้ว คะแนนอาจยิ่งโดนฉุดให้ลดน้อยลงไปอีก 

แตกต่างจากคู่แข่ง “ค่ายสีน้ำเงิน” ตั้งแต่ “นายกฯหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เข้ามานั่งเก้าอี้ผู้นำ เลือกตั้งซ่อมทั้ง 2 จังหวัด เจ้าตัวลงพื้นที่ปราศรัยช่วยลูกพรรคทุกครั้ง เรียกแต้มให้ “ภูมิใจไทย” ซึ่งถือเป็นความได้เปรียบ

ขณะเดียวกัน การลงพื้นที่ในฐานะ “ผู้นำรัฐบาล” ยังส่งผลให้เครือข่ายท้องถิ่น กลไกข้าราชการ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย มักจะทำหน้าที่อย่างคึกคักมากเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ วิกฤติที่ “เพื่อไทย” ต้องเผชิญคือ การบริหารจัดการทรัพยากรทางการเมือง โดยก่อนหน้านี้ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ใช้บริการของ “นายทุน” หลากหลายค่ายในการดูแล สส. - ผู้สมัคร สส. 

หากผู้สมัครในสังกัดของ“นายทุน” กลุ่มใดเข้าวิน จะมีการจัดสรรโควตารัฐมนตรีให้ตามความเหมาะสมกับ “ทรัพยากร” ที่ลงมา

ว่ากันว่า “บ้านจันทร์ส่องหล้า”ไม่เคยควักทุนของตัวเองในการทำศึกเลือกตั้ง เพราะมั่นใจในกระแส ทว่า ศึกเลือกตั้งปี 2569 อาจต้องคิดใหม่ ลงทุนใหม่ โดยเฉพาะนายใหญ่เพื่อไทย อาจต้องควักเนื้อเพื่อเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุด

เวลานี้ แม้จะมี “เดอะซัน” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง เป็นสปอนเซอร์หลัก แต่“นายทุนรายอื่นๆ” ต่างถอยฉากออกมาอยู่ในที่ตั้ง เพราะหากเทหมดหน้าตักให้กับ “ค่ายสีแดง” อาจจะถูกผลักให้เป็นศัตรูกับ “ค่ายน้ำเงิน” 

สถานการณ์เพื่อไทย จึงตรงกันข้ามกับ “ค่ายน้ำเงิน” ที่มี “นายทุน” รายเก่า - รายใหม่ ต่อแถวพร้อมร่วมลงขันอย่างคึกคัก

การเลือกตั้งซ่อม 2 สนามที่ผ่านมา พอจะเป็นบทพิสูจน์ได้ว่า การบริหารจัดการทรัพยากรของ “ค่ายน้ำเงิน” ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ แม้จะต้องลงทุนมาก แต่เข้าถึง-เข้าเป้า จึงเป็นสูตรสำเร็จที่ได้ผล และพร้อมจะนำไปใช้ต่อยอดในอนาคต

เวลานี้ ทั้งปัจจัย “กระแส - กระสุน” ของคู่แข่ง ได้ส่งผลต่อ“พรรคเพื่อไทย”อย่างชัดเจน 

วิกฤติคลิปเสียง “แพทองธาร”ยังไม่จางหาย วิกฤติ “นายทุน”หนีห่าง ยังเข้ามาซ้ำเติม จึงต้องลุ้นว่าเจ้าของพรรคจะแก้สถานการณ์ผ่านเรือนจำ เพื่อพลิกฟื้นวิกฤติครั้งนี้ได้หรือไม่  

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์