‘อนุทิน’ เผย ยาแรง ปราบสแกมเมอร์ ตัดเน็ต ถอนสัญชาติ ท้าเปิดชื่อไทยเทา

‘อนุทิน’ เผย ยาแรง ปราบสแกมเมอร์ ตัดเน็ต ถอนสัญชาติ ท้าเปิดชื่อไทยเทา

“อนุทิน” เผย “สแกมเมอร์” วาระแห่งชาติ ยัน ไม่ได้นิ่งเฉย สั่งจัดการเข้ม โว ยาแรงตัดเน็ตกัมพูชา ชี้ มีคนทำผิดถือ2สัญชาติ ลุยเพิกถอน ถามแรงหรือยัง ท้าเปิด7นักการเมืองเทา รับ เคยโดนกับตัว เสียงหวานดี

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 1/2568 โดยมีรายงานว่าก่อนเริ่มการประชุมนายกฯ ได้ขอให้ทุกคนให้ทีมงานนำโทรศัพท์ไปเก็บ โดยได้มีการใส่ซองไปฝากไว้กับเจ้าหน้าที่หน้าห้องทั้งหมด และอนุญาตให้เข้าได้เฉพาะรัฐมนตรีและคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเท่านั้น ไม่อนุญาตให้คนติดตามและเจ้าหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าในห้องประชุม 

โดยภายหลังการประชุม นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ ว่า เราได้ประชุมร่วมกันเพื่อให้ทุกหน่วยงานได้รับทราบว่าขณะนี้ปัญหาสแกมเมอร์เป็นปัญหาอาชญากรรมระดับโลก รัฐบาลจะต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ  โดยตนจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 21 ต.ค. เพื่อให้ทุกกระทรวงทุกหน่วยงานได้บูรณาการความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหานี้ และเราได้รับทราบว่าแต่ละหน่วยงานก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ และมีบันทึกออกมาว่าได้จับกุมได้ยึดทรัพย์ยึดเงินดำเนินคดีผู้ที่กระทำความผิดจำนวนมากมูลค่าระดับหมื่นล้านบาท เพียงแต่ขาดการประชาสัมพันธ์  เพราะต่างคนต่างทำงาน ตรงนี้อยากให้ความมั่นใจกับประชาชนว่ารัฐบาลไม่ได้อยู่นิ่งเฉย และมีการสั่งการให้ดำเนินการให้เข้มข้นเพิ่มมากขึ้น

เมื่อถามว่า กระแสข่าวว่าสแกมเมอร์บางส่วนมาอยู่ที่กรุงเทพฯแล้วข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เท่าที่ทราบมันอยู่ทั่วไป แต่ฐานหลักยังอยู่อีกฝั่งหนึ่งอยู่ วันนี้ทาง เลขาฯ กสทช. ยืนยันว่าสัญญาณต่างๆที่ส่งไปฝั่งโน้น ในทางตรงปิดหมดแล้ว ส่วนเขาจะไปอ้อมหรือไปเอาสัญญาณโรมมิ่งที่ไหนมาใช้ ตรงนี้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เราก็ต้องขอความร่วมมือกับประเทศต้นทางในกรณีนี้ ก็คงต้องแจ้งทางกัมพูชา เพราะถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขในการพูดเรื่องสันติภาพว่าเขาต้องดำเนินการ 1 ใน 4 เงื่อนไข คือการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างเป็นรูปธรรม

เมื่อถามว่า มีกระแสขาตั้งนายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง เป็นประธานคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน แกะรอยหาความเชื่อมโยง ถึง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มวิชาชีพ หรือเครือข่ายเงินทุนสีเทา นายกฯ กล่าวว่า ยัง ส่วนจะนำเข้าที่ประชุมครม.21 ต.ค.นี้หรือไม่นั้น ตอนนี้เรายังจะมีคณะอนุกรรมการประมาณ 2-3 ชุด หรือไม่เกิน 5 ชุด ซึ่งในที่ประชุมมีการเสนอมาหลายชุด ตนก็พยายามให้รวม แต่เจ้าภาพหลักก็จะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และกระทรวงมหาดไทยก็จะได้จัดตั้งเป็นคณะอนุกรรมการ โดยแต่ละชุดไปดำเนินการมาและนำมาผนึกกำลังกัน

เมื่อถามย้ำว่า สรุปว่ามีชื่อนายวรภัคหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มี ยังไม่มีชื่อใครเลย ให้ไปแต่งตั้ง เดี๋ยวอธิบดีกรมการปกครอง ซึ่งเป็นเลขานุการที่ประชุมชุดนี้จะไปรวบรวมรายชื่อมา อย่างไรก็ต้องเอามาให้ตน เพราะคณะกรรมการชุดนี้แต่งตั้งโดยนายกฯเป็นผู้พิจารณาชื่อ

เมื่อถามย้ำว่าจะมียาแรงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อย่างที่เรียนมีการดำเนินการทางเลขาธิการ สมช.ได้ยืนยันว่าตอนนี้ถ้าจะต้องทำการตัดหรือปิดสัญญาระบบการสนับสนุนพลังงานด้านใด ไม่ต้องขึ้นไปขอแล้ว มีมติครอบคลุมเอาไว้แล้ว โดยหน่วยงานเจ้าสังกัดสามารถสามารถดำเนินการหยุดการให้บริการ หรือให้การสนับสนุน หรือหยุดซัพพลายของสิ่งที่จะไปทำให้คนทำผิดกฏหมายได้ทันที อันนี้ถือว่าเป็นยาแรง  และที่ประชุมเมื่อสักครู่ได้ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปแล้วไม่ต้องรอแล้ว

เมื่อถามว่า นอกจากตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตแล้วจะมีการตัดสัญญาณไฟฟ้า หรืออะไรด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า  ก็ใช่ ถ้าไปทำให้เป็นการสนับสนุนให้เขากระทำความผิด เราก็ตัดได้เลย และไม่ต้องรอว่าเมื่อไหร่จะประชุมสมช.

เมื่อถามว่า มีกี่พื้นที่ในการตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต นายกฯกล่าวว่า ตอนนี้หลักๆฝั่งขวาก่อน

เมื่อถามว่า นายกฯมีการดำเนินการอย่างไรกับกระแสข่าวที่มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง นายกฯ กล่าวว่า อย่างเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนก็นั่งรอว่าเมื่อไหร่รายชื่อจะมา จากต้นตอของข่าว ซึ่งก็กลายเป็นการปฏิเสธ เมื่อปฏิเสธเราก็ต้องถือว่าตรงนั้นเป็นข่าวที่ไม่จริง และทางการของต่างประเทศเอง โดยสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ ประจำประเทศไทย ก็เป็นคนออกมาปฏิเสธ เราก็เฝ้าระวังไว้ แต่อย่างไรก็ตามถ้ามีข้อมูลหรือมีหลักฐาน หรือมีเส้นทางการเงินเรามี ปปง.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เขาคอยติดตามเรื่องนี้อยู่แล้ว

“ผมยืนยันว่า ผมไม่ดูว่าชื่ออะไรตำแหน่งอะไร ถ้าพฤติกรรมมันเข้าข่ายกับการกระทำความผิดอย่างชัดเจนและถ้ามีหลักฐานของการกระทำความผิดขึ้นมา ไม่ดูชื่อครับ ใครผิดก็ต้องดำเนินการ” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามอีกว่าในที่ประชุมมีข้อมูลอะไรที่นายกฯไม่เคยรู้ และทำให้ตกใจบ้างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีคนกระทำความผิดถือสัญชาติไทย แต่ก็ยังถือสัญชาติอื่นอยู่ด้วย จำได้หรือไม่ที่ตนไม่ยอมเซ็นสัญชาติให้ใคร เพราะเขาขณะนั้นยังถืออยู่หลายสัญชาติอย่างนี้เป็นต้นก็มีอยู่ ซึ่งตนก็ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครองไปดำเนินการคนถือ 2 สัญชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มาขอสัญชาติไทยแล้วยังถือสัญชาติอื่นอยู่ มันไม่ต้องไปดูพฤติกรรมอื่นตรงนี้ถือว่าผิดอยู่แล้ว ฉะนั้นเราจะดำเนินการถอนสัญชาติเขา อันนี้แรงหรือยัง

เมื่อถามว่า บุคคลดังกล่าวเชื่อมโยงกับสแกมเมอร์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เชื่อมโยง และเครือข่ายด้วย

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้าน ระบุว่ามีข้อมูลของ 7 นักการเมือง ขอข้อมูลจากฝ่ายค้านหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้ามีข้อมูลเปิดเลย มันจะได้ง่ายไม่ต้องไปคาดเดาว่าเป็นใคร และไปดำเนินคดีใครผิดๆถูกๆ ยิ่งเป็นฝ่ายตรวจสอบ ถ้ามีข้อมูลไม่ต้องรออภิปราย ดำเนินการตรงนี้ได้เลยทันที เปิดเผยส่งรายชื่อนี้มา หรือส่งมาอย่างเป็นทางการก็ได้ รัฐบาลก็ต้องดำเนินการอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงกรณี น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล ผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน ออกมาเปิดเผยข้อมูลแผนผังว่ามีการเชื่อมโยงกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ เพื่อให้มีการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้อ่าน และในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้มีการพูดคุยเรื่องกรอบการทำงานซึ่งการปฎิบัติผู้ปฏิบัติจะต้องไปดำเนินการ

เมื่อถามว่า แต่มีการเปิดเผยตัวบุคคลสำคัญและมีการเปิดเผยชื่อบริษัทต่างๆ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าโยงถึงใครคนนั้นก็โดน  

เมื่อถามอีกว่า จะถือเป็นข้อมูลสำคัญในการพิจารณาเรื่องเครือข่ายสแกมเมอร์หรือไม่นายกฯกล่าวว่า ดูที่พฤติกรรม ถ้าพฤติกรรมผิดกฏหมายไม่ว่าใคร เครือข่ายไหนก็ต้องโดนดำเนินคดี เพราะวันนี้เราบอกแล้วว่าเป็นเรื่องของวาระแห่งชาติ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทย ถ้าเราไม่ดำเนินการอย่างเด็ดขาด และเข้มงวด เวลาเราไปเจรจาไม่ใช่ เฉพาะในเรื่องของการเจรจาด้านการทูตเท่านั้น แต่เจรจาเรื่องการลงทุน เจรจาเรื่องความเมืองต่างๆ เรื่องนี้จะทำให้เราเสียเปรียบและถูกกดดัน ถูกตั้งกำแพงเยอะไปหมด ฉะนั้นแล้วต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด

เมื่อถามว่า มีเรื่องเส้นทางการเงินไปเชื่อมกับสถาบันการเงินต้องให้ปปง. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เข้ามาตรวจสอบหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้ มีทั้งปปง. ก.ล.ต. และในการประชุมวันนี้เราได้รับการร้องขอจากที่ประชุมว่าขอให้เพิ่มอัยการสูงสุดเข้ามาด้วย ซึ่งถูกต้อง และขอให้เพิ่มอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI เข้ามาด้วย ขอให้เพิ่มรัฐมนตรีพาณิชย์เข้ามาด้วย หรือปลัดกระทรวงนั้นๆและอีกหลายหน่วยงาน ซึ่งตนก็ได้ให้ทางเลขานุการ ในที่ประชุม ได้ดำเนินการยกร่างคำสั่งมา ซึ่งตนก็จะได้ลงนามแต่งตั้ง ฉะนั้นเราจะประชุมตามที่เราจำเป็นต้องประชุม

เมื่อถามว่านายกฯเคยโดนสแกมเมอร์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเคยโดนพวกที่เขาโทรศัพท์มาคุยตนก็พูดคุยกับเขา เสียงหวานดี