‘รัฐบาล’ แจง จำเป็นต้องถก JBCกัมพูชา แก้ปัญหาเขตแดน ขีดเส้นปราบสแกมเมอร์

“รัฐบาล” แถลงกรอบเจรจา JBC กัมพูชา อธิบดีสนธิสัญญา เผย จำเป็นต้องถกเขตแดน แก้ TOR 2003 ใช้ไลด้า ทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ กำหนดเขตที่2ฝ่ายเห็นตรงกัน โฆษก กห. เผย ลุยกำหนดกรอบเวลาปราบสแกมเมอร์-กู้ระเบิด
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และพล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงถึงกรอบการเจรจาทวิภาคไทย-กัมพูชา
โดยนายสิริพงษ์ กล่าวว่า วาระที่จะมีการประชุม JBC และ GBC ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยที่นายกรัฐมนตรีได้รับทราบถึงความห่วงใย และข้อกังวลประชาชนที่ว่าประชุม JBC และGBC จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้จะมีความสุ่มเสี่ยง และมีข้อห่วงใยใดๆ หรือไม่ ทางรัฐบาลจึงสื่อสารกับประชาชนจึงควรไปในทิศทางเดียวกัน และขอยืนยันว่าในทุกการประชุมไม่ว่าจะเป็นระดับใด ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง หรือฝ่ายต่างประเทศดำเนินการด้วยการพูดคุยกันวางแผนอย่างมีกลยุทธ์เพื่อนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดของประเทศ และประชาชน
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมสำคัญก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย 2 รายการ ได้แก่ วันที่ 20-22 ต.ค.จะเป็นการประชุมในระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ประเทศมาเลเซีย และวันที่ 21-22 ต.ค. จะมีการประชุมJBCที่จ.จันทบุรี โดยรัฐบาลรับทราบข้อห่วงใยถึงการสละสิทธิ์จะมีการยกเลิก MOU หรือไม่ และมีส่วนสำคัญต่อสถานการณ์บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว เนื่องจากมีสื่อมวลชนถามมาว่าการดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวเป็นอย่างไร และการประชุมมีความจำเป็นหรือไม่
ขณะที่นายเบญจมินทร์ กล่าวว่า การประชุม JBC จะมีนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เป็นประธานฝ่ายไทย ส่วนกัมพูชา มีนายลำเจีย รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา เป็นประธานฝ่ายกัมพูชา และจะมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องฝ่ายไทยเข้าร่วม อาทิ ผู้แทนสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย โดยการประชุมครั้งนี้เน้นเฉพาะเรื่องเขตแดน ต่อเนื่องจากการประชุมครั้งที่แล้ว ซึ่งการกำหนดประเด็นหารือเราต้องการให้มีความสอดคล้องกัน คือเวที GBC และRBC เพื่อให้ไทยสามารถผลักดันผลประโยชน์ของชาติได้อย่างเป็นเอกภาพ
ทั้งนี้ การประชุม JBCสมัยพิเศษ เมื่อ10ก.ย.68 มอบหมายให้หารือกรณีบ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว รวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัย อาทิ การสร้างรั้วเพื่อให้เกิดความชัดเจน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่JBC ซึ่งสะท้อนความตั้งใจฝ่ายไทยในการแก้ปัญหาเขตแดน ผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ จึงมีความจำเป็นที่การประชุมJBCต้องมีขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่คาดว่าทั้งสองฝ่ายจะหารือเพิ่มเติมคือเร่งรัดแก้ไขTOR 2003 เพื่อนำเทคโนโลยีไลด้า มาใช้ในการทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ และการเสนอพื้นที่เร่งด่วนในการกำหนดเขตแดน โดยเฉพาะพื้นที่สองฝ่ายมีความเห็นตรงกันแล้ว
นายเบญจมินทร์ กล่าวว่า ขอย้ำว่าการประชุมครั้งนี้เป็นหนึ่งในกลไกทวิภาคีที่จะใช้ดึงกัมพูชาสู่โต๊ะการเจรจาอย่างสันติวิธี จะเป็นการตอกย้ำประชาคมระหว่างประเทศ ว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชามีความชอบธรรม
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า การประชุมJBCเมื่อ10ก.ย.เห็นชอบ4ประเด็น 1.ถอนอาวุธหนักตาทแนวชายแดน 2.การเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกัน 3.การปราบปรามสแกมเมอร์ และ4.การจัดระเบียบและฟื้นฟูสู่ความสงบเรียบร้อยบริเวณบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว โดยมีบางประเด็นที่ขับเคลื่อนไปแล้ว เช่นการปราบปรามสแกมเมอร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการตั้งทีมขึ้นมารวบรวมข้อมูล 60แห่งส่งกัมพูชา ส่วนการเก็บกู้ระเบิดและการถอนอาวุธหนัก ผลยังไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับฝ่ายไทย เราจึงอยากผลักดันให้ฝ่ายกัมพูชา แสดงความจริงใจในส่วนนี้ ทั้งนี้ การประชุมจะมีการหารือและกำหนดแผนที่ชัดเจนรัดกุมมากขึ้น ในการให้ฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติร่วมร่วมกับฝ่ายไทย โดยเฉพาะในเรื่องการถอนอาวุธหนักบริเวณชายแดน โดยจะกำหนดให้ชัดเจนว่าจะเป็นช่วงเวลาใด
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งที่ผ่านมาดูเหมือนจะขับเคลื่อนค่อนข้างช้า ก็จะมีการกำหนดให้ชัดเจนว่าพื้นที่ที่เราต้องการเก็บกู้ที่ระเบิดมีจุดใดบ้าง และในช่วงเวลาใด รวมถึงการปราบปรามสแกมเมอร์ ก็จะมีแผนและการกำหนดเวลาการปฏิบัติการร่วมกันอย่างชัดเจน โดยในการประชุมครั้งนี้ จะมีประเทศมาเลเซียและสหรัฐอเมริกา มาร่วมเป็นสักขีพยานและมาร่วมสังเกตการณ์ความจริงใจของทั้งสองฝ่าย
ขณะที่นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ยืนยันการประชุมJBC ไม่ทำให้เสียดินแดน แต่พื้นที่ใดที่ยังไม่ตกลงกัน ต้องมีการพูดคุยเพราะ JBC ไม่ใช่ข้อสรุป แต่เป็นหนึ่งในกลไกการเจรจา ส่วนการยกเลิก MOU43-44 หรือไม่เป็นเรื่องของอนาคต แต่ในปัจจุบันเรายังมีกลไกที่ใช้แสวงหาความร่วมมือได้อยู่และเป็นคนละเรื่องกัน และการประชุมครั้งนี้เป็นการกำหนดกรอบให้ชัดเจน เพื่อให้เห็นผลการขับเคลื่อน เพราะเราหวังว่าสถานการณ์เหล่านี้จะคลี่คลายโดยเร็วที่สุด







