'ศุภณัฐ' ตั้ง 7 ข้อสังเกต 'ปริ้นซ์ อินเตอร์' ครหาโยง 'ปริ้นซ์ กรุ๊ป'

'ศุภณัฐ' ตั้ง 7 ข้อสังเกตถึง 'ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล' ปมครหาพัวพัน 'ปริ้นซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป' โยงเครือข่ายสแกมเมอร์ 'เฉิน จื้อ' แม้บริษัทฯจะปฏิเสธ และยืนยันไม่เกี่ยวข้อง
KEY
POINTS
- ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.พรรคประชาชน ชี้ว่าเว็บไซต์ของ Prince Group และบริษัทในเครือเคยระบุว่า Prince International เป็น "บริษัทในเครือ" พร้อมลงที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์จริง ซึ่งขัดแย้งกับคำปฏิเสธ
- ตั้งข้อสังเกตถึงความบังเอิญหลายประการ เช่น ผู้บริหารของทั้งสองกลุ่มเป็นชาวจีนไต้หวัน และเว็บไซต์ของบริษัทที่เกี่ยวข้องต่างปิดตัวลงพร้อมกันหลังมีข่าวในไทย
- ตั้งคำถามถึงความผิดปกติที่บริษัทใหญ่อย่าง Prince Group ซึ่งมีเงินหมุนเวียนแสนล้าน จะมาอ้างความเกี่ยวข้องกับ Prince International ซึ่งเป็นบริษัทขนาดเล็กที่มีทุนจดทะเบียนเพียง 2 ล้านบาท
- เสนอให้ Prince International ดำเนินการฟ้องร้อง Prince Group และเครือข่าย ฐานแอบอ้างความเกี่ยวข้อง เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์หลังออกมาปฏิเสธความเชื่อมโยง
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุถึงกรณี Prince Holding Group หรือ Prince Group ว่า เป็นบริษัทสแกมเมอร์ข้ามชาติในกัมพูชา ที่ฟอกเงินผ่านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเครือข่ายนี้มีเงินหมุนเวียนหลายแสนล้านบาท ตลอดที่ผ่านมา Prince Group ปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มสแกมเมอร์ แต่แน่นอนครับ “โจรไม่มีทางยอมรับว่า ตัวเองเป็นโจร”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่โกหกไม่ได้คือ Bitcoin มูลค่ามากกว่า 5 แสนล้านบาท ที่ถูกสหรัฐอเมริกายึดไว้ ซึ่งเป็นของ เฉิน จื้อ (Chen Zhi) ชาวจีนวัย 38 ปี ใครที่ทำธุรกิจจะทราบดีว่า การมี Bitcoin มูลค่ามหาศาลถึงระดับนี้อยู่ในกระเป๋าของบุคคลเพียงคนเดียวนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะแม้แต่บริษัทขนาดใหญ่ในไทยก็ยังไม่มีใครมีสภาพคล่องเหลือเก็บมากถึงระดับนี้ — ทั้งในนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา
สำหรับกรณีของ Prince International ที่ออกมาประกาศว่า “ไม่เกี่ยวข้องกับ Prince Group” ซึ่งก็มีสื่อบางเจ้าจับโยงว่าเป็นการตอบโต้โพสก่อนหน้าของตน แต่ถ้าใครที่อ่านโพสต์จะเห็นว่าไม่ได้ระบุว่าทั้ง 2 บริษัทเกี่ยวโยงกัน และไม่ได้พูดถึง Prince Group แต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี ในเมื่อมีข่าวการเชื่อมโยงเกิดขึ้น ผมก็ขอตั้ง “7 ข้อสังเกต” ถึงพฤติกรรมของ Prince Group ที่ “บังเอิญ” ไปโยงเกี่ยวข้องกับ Prince International พอดิบพอดี เพื่อให้ทุกท่านได้พิจารณาข้อสังเกตร่วมกัน
1. Prince Group (www.princeholdinggroup.com) มีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศในชื่อ PHIN Group (www.phingp.com) และมีบริษัทลูกชื่อ Taiwan Prince Real Estate Investment (www.princeire.com) ซึ่งบริษัทเหล่านี้ เป็นผู้ระบุบนเว็บไซต์ของตนเองว่า Prince International เป็น “บริษัทในเครือ” — ไม่ได้มีนักข่าวคนใดไปแต่งเรื่องขึ้นมาเอง
2. ตัว Prince Group เป็นผู้ระบุว่า Prince International ตั้งอยู่ที่อาคาร Sino-Thai Tower พร้อมลงหมายเลขโทรศัพท์ซึ่งตรงกับเบอร์จริงของบริษัท Prince International — ถ้าหากจะ “แอบอ้าง” จริง ก็คงไม่ใช้เบอร์ของบริษัทตัวจริงใช่ไหมครับ?
3. เป็นเรื่องแปลกว่า เหตุใดบริษัทขนาดใหญ่ระดับ Prince Group ที่มีเครือข่ายและเงินหมุนเวียนระดับแสนล้านบาท จึง “พร้อมใจกันเคลม” ว่า Prince International เป็นบริษัทในเครือ ทั้งที่ Prince International เป็นธุรกิจขนาดเล็ก มีทุนจดทะเบียนเพียง 2 ล้านบาท และมีรายได้ปี 2567 เพียง 8 แสนบาทเท่านั้น
4. Prince Group สามารถตั้งบริษัทใหม่ในไทยได้อีกเป็นหลายสิบบริษัท เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือกว่า Prince International ก็ย่อมทำได้ง่าย ทำไมจึงต้องเลือกเกี่ยวดองกับบริษัทขนาดเล็กนี้? หากจะบอกว่า Prince Group ตั้งใจจะ “ต้มตุ๋นลูกค้า” ของ Prince International ก็ยิ่งแปลก เพราะบริษัทหลังแทบไม่มีชื่อเสียงและลูกค้าก็น้อย จะหลอกไปเพื่ออะไร? แถมยังใช้เบอร์จริงของ Prince International อีก — ถ้าจะหลอกจริง คงไม่ทำแบบนั้น หรือหากบอกว่า Prince Group “หวังดี” อยากสร้างเครดิตให้ Prince International เพื่อให้คนไปอุดหนุน ก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ — บริษัทใหญ่ระดับนี้จะช่วยบริษัทเล็กทำไม?
5. นอกจากนี้ Prince Group ยังระบุอีเมลของ Prince International ด้วยโดเมน @phingp.com ซึ่งเป็นของ PHIN Group
6. Prince International มีกรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นชาวจีนไต้หวัน (ถือหุ้น 49%) ซึ่ง “บังเอิญ” เช่นกันว่า CEO ของ PHIN Group ก็เป็นชาวจีนไต้หวัน และ ก็มีบริษัทในเครืออย่าง Taiwan Prince Real Estate Investment ด้วย
7. อีกความบังเอิญคือ ช่วงที่มีข่าวในไทย เว็บไซต์ของ Prince International (www.princeth.com) ถูกปิดไม่ให้เข้าถึง ซึ่งก็พอดีกับเว็บไซต์ของ Taiwan Prince Real Estate Investment และ PHIN Group ที่ปิดไม่ให้เข้าชม
และในช่วงเวลาเดียวกัน ข้อมูลของ Prince International ที่เคยอยู่บนเว็บไซต์ต่างๆของ Prince Group ก็ถูกลบออกไปพอดี ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะผู้บริหาร Prince Group “ติดตามข่าวในไทยอย่างใกล้ชิด” แล้วรีบลบออก หรือเป็นเพราะ “มีการติดต่อกันจริง” ระหว่าง Prince International และ Prince Group แล้วฝ่ายหนึ่งขอให้ลบข้อมูลออก (ซึ่งถ้าติดต่อกันได้ ก็ช่วยบอกกันด้วยนะครับ เพราะนักข่าวและตำรวจไทยคงอยากติดต่อคนใน Prince Group มากๆ ในช่วงนี้)
ทั้งนี้เมื่อวาน Prince International ได้ส่งหนังสือชี้แจงว่า “ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Prince Group” แปลว่าฝ่าย Prince Group และเครือข่าย “แอบอ้าง”
"ผมจึงขอเสนอว่า Prince International ควรดำเนินการ “ฟ้องร้อง” Prince Group, PHIN Group และ Taiwan Prince Real Estate Investment ที่แอบอ้างดังกล่าว เพราะกรรมการทั้ง 2 ฝ่ายก็คนจีนไต้หวัน — การหาหลักฐานคงไม่ยาก
ทั้งนี้ หมดนี่อาจจะเป็น “ความบังเอิญซ้อนความบังเอิญ” ก็เป็นได้ ผมก็หวังว่าข้อสังเกตเหล่านี้ จะมีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบเส้นเงิน ของกรรมการและผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมดูครับ" นายศุภณัฐ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ออกเอกสารข่าวชี้แจงถึงกรณีนี้ ปฏิเสธว่ามิได้ทำธุรกิจผิดกฎหมาย หรือการกระทำผิดทุกรูปแบบ โดยที่ผ่านมาทางบริษัท ได้นำโครงการอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชา มาจัดทำการตลาด เพื่อนำเสนอให้แก่ลูกค้าชาวไทย แต่ได้ทำการยุติการทำตลาด และขายไปตั้งแต่ 2566 เนื่องจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชา ไม่สามารถจำหน่ายได้ในตลาดประเทศไทย
บริษัทฯ ขอยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเรายึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส ยึดถือปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและการคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางตรงหรือทางอ้อม
ข้อมูลจาก: ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ - Suphanat Minchaiynunt







