'รัฐสภาไทย' ชง สหภาพรัฐสภา ตั้งคณะทำงานปราบอาชญากรรมข้ามชาติ

"วันนอร์" ร่วมประชุม IPUครั้งที่151 จ่อชงข้อเสนอให้สหภาพรัฐสภา ร่วมมือปราบอาชญากรรมออนไลน์ ตั้งคณะทำงานติดตาม -แก้กฎหมายเอาผิดแก๊งไซเบอร์ข้ามพรมแดน
ที่ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 19 ต.ค. เวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นนครเจนีวา นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 151 (IPU151th) นำคณะผู้แทนรัฐสภาไทย เข้าร่วมการประชุมกลุ่มประเทศอาเซียน+3 (ASEAN+3) โดยที่ประชุมได้มีการพิจารณาประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรับรองร่างรายงานการประชุมอาเซียน+3 ครั้งที่ผ่านมา (IPU 150) การพิจารณานำเสนอชื่อผู้เข้าดำรงตำแหน่งที่ว่างลง
ในการนี้ ประธานรัฐสภาในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย ได้มอบหมายให้นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน นำเสนอระเบียบวาระเร่งด่วน (Emergencty Item) โดยมีร่างข้อมติเรื่อง "การเสริมสร้างบทบาทของรัฐสภาในการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามพรมแดน ควบคู่กับการธํารงไว้ซึ่งหลักมนุษยธรรม"
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นพ้องต้องกันว่าประเด็นดังกล่าวมีความสำคัญ และนำเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาเพื่อให้ลงคะแนนรับรองร่างข้อมติดังกล่าวเป็นระเบียบวารเร่งด่วนต่อไป นอกจากนี้ คณะผู้แทนราษฎรไทยยังได้ดำเนินการหาเสียงสนับสนุน จากคณะผู้แทนประเทศต่าง ๆ ที่เป็น สมาชิกอาเซียน +3 และประเทศออสเตรเลีย เพื่อให้การสนับสนุนต่อร่างข้อมติดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับร่างข้อมติเร่งด่วนที่รัฐสภาไทยเตรียมเสนอนั้น ได้ระบุถึงการเสริมสร้างบทบาทของรัฐสภาในการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามพรมแดน ควบคู่กับการธำรงไว้ซึ่งหลักมนุษยธรรม โดยมีเนื้อหาระบุว่า
คณะผู้แทนไทยเป็นผู้เสนอได้เน้นย้ำถึงอาชญากรรมทางไซเบอร์ระดับโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนและส่งผลกระทบด้านมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีผู้คนจำนวนมากอยู่ในกระบวนการค้ามนุษย์และถูกบังคับให้เข้าร่วมกระบวนการรหลอกหลวงทางออนไลน์ ในสภาพที่คล้ายการเป็นทาส มติดังกล่าววชี้ให้เห็นว่าอาชญากรรมทางไซเบอร์ไม่เพียงเป็นปัญหาทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังเป็นความท้าทายด้านกฎหมายและการเมืองที่จำเป็นต้องได้รับการดำเนินการอย่างเร่งด่วนจากรัฐสภาทั่วโลก
“เรียกร้องให้รัฐสภาเร่งปรับปรุงกฎหมายภายในประเทศให้ทันสมัย เพื่อกำหนดโทษต่อการบังคับให้การกระทำความผิดทางไซเบอร์ ปิดช่องโหว่ของระบบการเงินดิจิทัล และกำกับดูแลภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิด พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มกลไกตรวจสอบการปฏิบัติงานของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เสริมสร้างความร่วมมือข้ามพรมแดนผ่านกลไกต่างๆ เช่น องค์การตำรวจสากล สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ และสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการนำแนวทางที่ให้ความสำคัญกับเหยื่อเป็นศูนย์กลางมาปรับใช้เพื่อให้การช่วยเหลือ ฟื้นฟู และคืนสูาสังคมเป็นไปอย่างยั่งยืน"
ร่างข้อมติเร่งด่วน ระบุถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัจจัยอันเป็นแก่นแท้ของปัญหา เช่น ความยากจน การทุจริตและการขาดช่องทางการย้ายยถิ่นที่ถูกกฎหมาย ตลอดจนเสริมสร้างกฎระเบียบในการกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัล และการไหลเวียนของเงินทุนข้ามพรมแดน พร้อมทั้งส่งเสริมการสนทนาและความร่วมมือระหว่างรัฐสภา ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอรร์ได้โดยไม่ละเมิดทางดิจิทัล
"เรียกร้องให้สหภาพรัฐสภา จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยศูนย์หลอกหลวงและอาชญากรรมทางไซเบอร์ข้ามชาติ เพื่อทำหน้าที่ติดตามการดำเนินกาและส่งเสริมความร่วมมือทางกฎหมายรระหว่างรัฐสภา เพื่อนำไปสู่การสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัย มั่นคง เคารพสิทธิมนุษยชนและมีมนุษยธรรมอย่างแท้จริง"
สำหรับ การประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา (Inter-Parliamentary Union – IPU) ครั้งที่ 151 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18–25 ต.ค. โดยมีหัวข้อหลักคือ “ยืนหยัดมาตรฐานด้านมนุษยธรรมและสนับสนุนการดำเนินการเพื่อมนุษยธรรมในยามวิกฤติ” ซึ่งสมาชิกจาก 181 ประเทศจะร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางรับมือวิกฤตระดับโลกในหลากหลายมิติ







