'ไอติม' แจงครหาร่าง รธน.ปชน. ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาล รธน. ไม่ล้มล้างฯ

'พริษฐ์' แจงละเอียดทุกข้อครหาร่าง รธน.ฉบับ ปชน. ยันไม่ขัดคำวินิจฉัยศาล รธน. ชี้ไม่ห้ามแตะหมวด 1-2 ไม่ล้มล้างการปกครอง เผยที่มา สสร.ไม่ซับซ้อน
เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่… พ.ศ. …. 3 ฉบับของพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 เพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นวันที่ 2 ก่อนที่จะมีการลงมติในวาระรับหลักการ
โดยนายพริษฐ์ วัชสินธุ ส.ส.พรรคประชาชน ในฐานะผู้เสนอร่างของพรรคประชาชน ได้ตอบข้อซักถามและการอภิปรายของสมาชิก ว่า การอภิปรายในบางช่วงของสมาชิกรัฐสภาท่านหนึ่ง เป็นการกล่าวหาที่ร้ายแรง ต่อร่างของพรรคประชาชน ว่าเป็นร่างที่เซาะก่อนบ่อนทำลาย และเป็นร่างที่ล้มล้างการปกครองโดยไม่สามารถปล่อยผ่านได้ จึงขอปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวว่า หลักฐาน 2 อย่าง ที่กำหนดชัดในมาตรา 256/6 เกี่ยวกับกรอบเนื้อหาการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งหมด 9 ข้อ ซึ่งมีการกำหนดชัดเจนว่าจะต้องมีการรับรองความเป็นราชอาณาจักรเป็นอันหนึ่งเดียวจะแบ่งแยกไม่ได้ และให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สอดคล้องกับมาตรา 255 ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งได้หยิบยกการร่างมาจากรัฐธรรมนูญปี 2557 ฉบับชั่วคราว ที่เป็นกรอบเนื้อหาการจัดทำรัฐธรรมนูญ60 ดังนั้นถ้าท่านจะวิจารณ์ตนด้วยความเกรี้ยวกราด ต่อข้อความนี้ โปรดวิ อ่านผู้ร่างรัฐธรรมนูญ 57 และคณะรัฐประหารด้วยความเกรี้ยวกราดด้วย
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า การที่สมาชิกพยายามโยงว่าร่างของพรรคประชาชน ไม่ได้ล็อกว่าห้ามแก้ไขถ้อยคำใดๆเลย ในหมวด1หมวด 2 นั้นจะเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครอง ซึ่งสิทธิ์ของสมาชิกและประชาชนทุกคนที่จะมองว่าเนื้อหาถ้อยคำในหมวด 1 หมวด 2 ควรจะมีการปรับปรุงแก้ไขหรือไม่ แต่ขอย้ำว่าการที่ไม่ได้มีการล็อคหมวดหนึ่งหมวดสองไม่ได้เท่ากับการล้มล้างการปกครอง เพราะมีการกำหนดชัดเจนแล้วว่าห้ามมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง
ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เขียนว่าสามารถแก้ไขเพิ่มเติมในหมวด1 หมวด 2 ได้ เพียงแต่ระบุไว้ในมาตรา 256 (8) ถ้าจะแก้ไขข้อความใดใดนั้นต้องผ่านความเห็นชอบของประชาชนผ่านการทำประชามติก่อนดังนั้นในเมื่อรัฐธรรมนูญปีหกศูนย์เปิดช่องให้สามารถมีการพิจารณาหากมีความเหมาะสมในการปรับปรุงถ้อยคำในหมวด1 หมวด 2 ได้แล้วร่างแก้ไขที่พรรคประชาชนเสนอ ที่ล็อคชัดเจนห้ามเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐ ระบอบการปกครอง แต่เปิดช่องให้สามารถมีการพิจาณณาหากมีความเหมาะสมในการปรับปรุงถ้อยคำในหมวด 1หมวด 2 ได้ แล้วจะเป็นการล้มล้างการปกครองได้อย่างไร
“เพื่อนสมาชิกกรุณาแนะนำให้เราเตรียมชื่อพรรคการเมืองใหม่ ผมก็ขอบคุณคำแนะนำดังกล่าว และตอบแทนคำแนะนำด้วยคำแนะนำของผมเช่นกัน ว่าหากท่านในฐานะสมาชิกวุฒิสภาที่มีหน้าที่ในการกลั่นกรองกฎหมาย จะกลั่นกรองกฎหมายด้วยหลักการที่ไม่อยู่บนข้อเท็จจริงเช่นนี้ ก็อยากจะแนะนำว่าท่านเตรียมพิจารณาหาอาชีพใหม่ด้วยเช่นกัน” นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า ร่างของพรรคประชาชนไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ศาลฯกำหนดว่าห้ามไม่ให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง คือประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ และเป็นการเลือกโดยตรง ดังนั้นตราบใดที่ไม่มีการกระทำใดที่เข้าข่ายในสองข้อนี้พร้อมกัน ในประเด็นดังกล่าวก็ไม่ถือว่าขัดต่อคำวินิจฉัย จึงแบ่งกลไกออกเป็น 2 องค์ประกอบ คือกำหนดให้คณะกรรมการยกร่าง มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม เลือก 70 คน และรัฐสภาคัดเหลือ 35 ส่วนที่เลือกโดยตรงก็ไม่ได้เป็นผู้ร่างแต่เป็นสภาที่ปรึกษาให้คำแนะนำ ส่วนที่หลายคนกังวลว่าหากทำแบบนี้แล้วจะมีคนไปร้องต่อศาลก็อยากถามกลับไปว่าแล้วใครจะเป็นคนไปร้อง เรามี สมาชิกรัฐสภา 700 คนหาก สส.ของพรรคการเมืองทั้งที่เสนอทั้ง 3 ร่าง เห็นตรงกันว่าไม่ร้อง แล้วเอาคำวินิจฉัยมาถกกันในสภาฯ แล้วใช้อำนาจนิติบัญญัติวินิจฉัยเกินเลยหรือไม่เกินเลยคำวินิจฉัย แล้วใครจะไปร้องได้
นายพริษฐ์ ชี้แจงเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญ ต้องเคารพ 16 ล้านเสียงที่ลงคะแนนเห็นชอบรัฐธรรมนูญปี 2560 เมื่อปี 2559 ว่าไม่เป็นเช่นนั้นเราเคารพทุกเสียงทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หากใครไม่เคารพ ก็น่าจะเป็นคนไปจัดประชามติปี 59 ที่ไม่เสรีและเป็นธรรม แม้วันนี้เราต้องยอมรับผลลัพท์ประชามติดังกล่าว แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ามีหลายองค์ประกอบที่ไม่เสรีและเป็นธรรม และเมื่อ 16 ล้านเสียงเห็นชอบก็หมายความว่าเห็นชอบกับมาตรา 256 เช่นกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้สามารถแก้ไขเพิ่เมิตมได้ และที่ไม่ได้แก้ไขเป็นรายมาตราเนื่องจากหลายปัญหาเชื่อมโยงกันหลายมาตรา ดังนั้นการจัดทำฉบับใหม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเรียบง่ายรวดเร็วและเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม
“ยืนยันว่าโมเดล สสร. ตามร่างไม่ซับซ้อน มี 2 กลไก โดยเหมือนกับการเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ใบหนึ่งเลือกบัญชีรายชื่อที่จะมาเป็นคณะผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 70 คน และคัดเหลือให้เหลือ 35 คนโดยใช้การเสนอชื่อตามสัดส่วนของรัฐสภาและพรรคการเมืองเพื่อให้เกิดการกินรวบ อีกใบนึงก็จะเลือกสภาที่ปรึกษาที่จะได้มาในจำนวน 100 คน โดยใช้ระบบแบบแบ่งเขต ย้ำว่าร่างของพรรคประชาชนเป็นร่างที่ใกล้เคียงกับการที่มี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งมากที่สุด” นายพริษฐ์ กล่าว







