'เลือกตั้ง' 29 มี.ค.69! 'บวรศักดิ์' เปิดเงื่อนไขผ่านร่าง รธน.วาระ 3 ไม่เกิน ม.ค.

'บวรศักดิ์' เปิดไทม์ไลน์ 'เลือกตั้ง' 29 มี.ค.69 เงื่อนไข รัฐสภาต้องผ่านร่างรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ไม่เกิน ม.ค.
การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ของพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา156 เพิ่มหมวด15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นวันที่สอง หลังสมาชิกสลับสับเปลี่ยนกันอภิปรายครบถ้วน
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย เป็นตัวแทนรัฐบาล อภิปรายสรุปในส่วนของรัฐบาล ที่จะเกิดขึ้นภายใต้ 3 ไทม์ไลน์
1.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับ 2560 2.ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 3.MOAพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน
นายบวรศักดิ์ ยังกล่าวว่า กระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ "2 กรณี"
1.กรณีกฎหมายประชามติ ฉบับปัจจุบันยังใช้บังคับอยู่ ในขณะที่ร่างพ.ร.บ.ประชามติฉบับใหม่ที่สภาฯ กำลังพิจารณา และรัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายยังไม่ลงมา
กรณีนี้จะมีความเกี่ยวพันกับMOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้แถลงไว้ต่อสภาฯ แห่งนี้ว่าจะยุบสภาภายใน 4 เดือนซึ่งเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2568 นับจากที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งจะครบ 4 เดือนในวันที่ 31 ม.ค.2569 แปลว่าจะมีการยุบสภาในวันนั้นตามข้อตกลง
"ตามรัฐธรรมนูญระบุว่า การเลือกตั้งที่เกิดจากการยุบสภาจะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45-60วัน เมื่อวิเคราะห์แล้ววันที่เหมาะสมที่สุดคือวันอาทิตย์ที่ 29 มี.ค.2569 "
รองนายกฯ ยังกล่าวว่า กรณีนี้ยังมีเรื่องของการทำประชามติเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยรัฐธรรมนูญ มาตรา256 ระบุอย่างชัดเจนว่า ถ้าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 อนุมาตรา 8 ซึ่งรวมไปถึงการจัดทำรัฐธรรมนูยฉบับใหม่ จะต้องจัดทำประชามติ
แต่เมื่อไปดู พ.ร.ป.ประชามติฉบับปัจจุบันกลับพบว่า ให้ประธานรัฐสภาแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียงตามวันที่กำหนดตามที่ได้หารือ ร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ซึ่งต้องไม่เร็วกว่า 90-120 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภา
นอกจากนี้เมื่อรัฐบาลต้องการประหยัดเงินงบประมาณ ที่จะเสียไปวันละประมาณ 6 พันล้าน จึงเห็นสมควรให้มีการทำประชามติวันเดียวกับวันเลือกตั้ง คือวันที่ 29 มี.ค. แต่หากนับย้อนถอยหลังปรากฏว่า ระยะเวลา 90 วันนั้นคือ 30 ธ.ค.2568 คือวันสุดท้ายที่นายกฯ และกกต.ประกาศให้ทำประชามติได้
หมายความว่ารัฐสภาจะลงมติวาระที่ 3ให้ร่างรัฐธรรมนูญ ไม่เกินวันที่ 15 ธ.ค.2568 ก่อนทิ้งช่วง 10 วันเพื่อให้ประธานรัฐสภาจัดทำความเห็น และส่งร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านสภาไปยัง ครม. เพื่อให้ ครม.หารือกับ กกต.เพื่อกำหนดวัน
"ถ้าเป็นอย่างนี้จะต้องขอความกรุณาสมาชิกรัฐสภาแห่งนี้จะต้องลงมติในวาระที่ 3ในร่างทั้ง 3 ร่างที่จะมายุบรวมกับเป็น 1 ร่าง ไม่เกินวันที่ 15-20ธ.ค.2568 โดยการทำประชามติรัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 11 วรรค 3 "
นายบวรศักดิ์ ยังกล่าวว่า กรณีที่ 2.คือ กรณีที่กฎหมายประชามติฉบับใหม่มีการประกาศใช้
กรณีนี้จะทำให้รัฐสภามีเวลามากขึ้นในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ตามไทม์ไลน์ถ้ายุบสภาในวันที่ 31 ม.ค.2569 และเลือกตั้งวันที่ 29 มี.ค.2569 ตามกฎหมายประชามติฉบับใหม่จะลดเวลาเหลือ 60 วัน ซึ่งวันสุดท้ายที่นายกฯ และครม.จะต้องประกาศให้ทำประชามติ
ขณะที่รัฐสภาจะต้องเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ภายในวันที่ 15-19 ม.ค.2569 ก่อนทิ้งช่วง 10 วันเพื่อให้ประธานรัฐสภาจัดทำความเห็น และส่งร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านสภาไปยัง ครม.เพื่อให้ ครม.หารือกับ กกต.เพื่อกำหนดวันต่อไป
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







