โฆษก กห. ลั่น 'ฮุนเซน' ต้องทำตาม4เงื่อนไข ก่อนขอเปิดด่าน

โฆษก กห. ลั่น 'ฮุนเซน' ต้องทำตาม4เงื่อนไข ก่อนขอเปิดด่าน

โฆษก กห. ไม่ชี้ชัด 'ฮุนเซน' กดดันไทยเปิดด่าน 20 ต.ค.นี้ เหตุสูญเสียรายได้หรือไม่ บอก ให้ย้อนมองตัวเองก่อนขอเปิดด่าน ย้ำ ไทยมีจุดยืนต้องรับ4เงื่อนไข

15 ต.ค. พลเรือตรีสุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุถึงความเคลื่อนไหว ของ 'ฮุนเซน' กรณี กดดันให้ไทย เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ภายในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ ว่า  โดยส่วนตัวไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ แต่ขณะนี้ไทยยังไม่มีมาตรการอื่นใดนอกเหนือจากเงื่อนไข 4 ข้อคือ ถอนอาวุธหนัก /เก็บกู้ทุ่นระเบิด / ปราบปรามสแกมเมอร์ และบริหารจัดการพื้นที่ ชายแดนที่มีปัญหา ตามข้อเสนอจากวงประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ไทย-กัมพูชา และ ต้องมีกลไกความร่วมมือมาพูดคุยกัน เพื่อให้สองฝ่ายตกลงร่วมกันเป็นรูปธรรมก่อนจึงค่อยไปคุยเรื่องอื่น  

โดยไทยพูดชัดเจนว่าหากจะมีการเจรจาใดๆทางกัมพูชาต้องยอมรับในเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อ -ขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม และมีผลเป็นที่น่าพึงพอใจจึงค่อยไปคุยในประเด็นอื่น 

โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุถึงข้อสังเกตกรณี 'ฮุน เซน' อาจจะสูญเสียรายได้จึงพุ่งเป้ากดดันเรื่องการเปิดด่านว่า ไม่มีข้อมูลเรื่องการสูญเสียรายได้ของทางกัมพูชา แต่ก็คาดคะเนได้จากผลกระทบด้านการค้าตามแนวชายแดน ที่สืบเนื่องจากมาตรการปิดด่านของไทย

แต่ย้ำว่า มาตรการปิดด่านที่ไทยดำเนินการมีความเหมาะสม และเป็นการกดดันกัมพูชาในเชิงหลักสากล และ กัมพูชาก็ต้องย้อนมองตัวเองว่ามีความพร้อมแค่ไหน ก่อนที่จะออกมาพูดว่าขอเปิดด่าน เพราะขณะนี้ฝ่ายไทยยืนยันเป็นแนวทางเดียวกันหมดตั้งแต่รัฐบาลไปจนถึงระดับพื้นที่ว่าต้องยึดในเงื่อนไข 4 ข้อ ก่อนที่จะไปคุยเรื่องอื่น

โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีก็ยืนยันในเงื่อนไข 4 ข้อว่า กัมพูชาต้องยอมรับเรื่องนี้ก่อน จึงจะนำไปสู่การเจรจา และในระดับพื้นที่ก็ย้ำในจุดยืนเดียวกันว่าจะต้องมีเรื่องของการจัดทำแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน เช่น เรื่องการเก็บกู้เพื่อระเบิด และจัดการชุมชนที่รุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย แต่ทางกัมพูชากลับไม่มีแผนปฏิบัติการใดๆ ที่เป็นรูปธรรม 

ซึ่งล่าสุด กองทัพภาคที่ 2 ก็ได้แจ้งไปทางกัมพูชา เลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC ไทย-กัมพูชา กับภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา ไปโดยไม่มีกำหนด เนื่องจากกัมพูชายังไม่ได้ส่งแผนปฏิบัติการ 

ส่วนท่าทีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะมาเป็นตัวกลางในการเจรจาสันติภาพไทย-กัมพูชามองว่า ทางสหรัฐฯ มี ศักยภาพในการดำเนินการ และมีประเทศพันธมิตรต่างๆ ที่จะร่วมสนับสนุน ถือเป็นสิ่งที่ดีกับภูมิภาค และสะท้อนว่าสหรัฐฯ มีความห่วงใยในภูมิภาคนี้ ซึ่งหากมองในเรื่องของเจตนารมณ์ไม่ได้มองเฉพาะเรื่องของการรักษาสมดุลก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะประเด็นสำคัญในการแก้ไขปัญหาไทยกัมพูชาคือการสร้างความสงบให้เกิดขึ้น 

โดยมองว่า ปัจจัยที่จะนำไปสู่การเจรจาได้ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากเศรษฐกิจในประเทศของกัมพูชาเอง ขณะเดียวกันไทยก็ต้องการคลี่คลายความตึงเครียดตามตามแนวชายแดน เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิต โดยปกติสุขไม่ต้องหวาดกลัวหรือกังวลว่าจะเกิดการปะทะ ในพื้นที่ชายแดน