เขย่า มท. ‘ล้างไพ่’ รัฐบาล พท. จับตา ‘บิ๊กล็อต' รับเลือกตั้ง

ผ่าไทม์ไลน์ 3 เดือนแห่งความชุลมุนวุ่นวาย ภายใต้ “เกมดุลอำนาจ” ในกระทรวงมหาดไทยที่สวิงไปมาจาก “พรรคภูมิใจไทย” ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ก่อนถูกผลักออกจากสมการ เปลี่ยนผ่านสู่ “พรรคเพื่อไทย” ในช่วงปลายรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร 

จนกระทั่งเกมอำนาจพลิกกลับมาที่ “พรรคภูมิใจไทย” อีกครั้ง ในช่วงที่พรรคสีน้ำเงินชิงเกมอำนาจฝ่ายบริหาร สานฝัน “นายกฯ หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี แถมคัมแบ็กควบ “มท.หนู” อีกหนึ่งตำแหน่ง

ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลากว่า 3 เดือน ซึ่ง “ดุลอำนาจ” สวิงไปมาระหว่างฝั่งแดง-น้ำเงิน ปรากฏว่ากระทรวงมหาดไทย มีการโยกย้ายข้าราชการชนิด “บิ๊กล็อต” ไปทั้งสิ้น 4 ล็อต 

 ล็อตแรก วันที่ 8 ก.ค.2568 หลังพรรคเพื่อไทย ยึดคืนอำนาจกระทรวงมหาดไทย กลับมาอยู่ในการครอบครอง ที่ประชุม ครม.ให้ความเห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ 4 ตำแหน่ง ในจำนวนนี้ คือ “ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์” อธิบดีกรมการปกครอง และ “นฤชา โฆษาศิวิไลซ์” อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สายตรงบุรีรัมย์ ถูกเด้งเข้ากรุไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง ส่วนอีก 2 ตำแหน่งเป็นการโยกย้ายมาแทน

ในส่วนของ “อดีตอธิบดีไชยวัฒน์” เพิ่งเกษียณอายุราชการไปเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ได้รับการแต่งตั้งไปเมื่อวันที่ 9 ต.ค.68 ที่ผ่านมา 

 

ต่อมา วันที่ 5 ส.ค.2568 ครม.แพทองธาร มีการโยกย้าย “บิ๊ก มท.” สายสีน้ำเงิน ล็อต 2 ทั้ง “พรพจน์ เพ็ญพาส” อธิบดีกรมที่ดิน ไปเป็น รองปลัดกระทรวง เพื่อเซ่นปมไม่เพิกถอน “ที่ดินเขากระโดง” ซึ่งเป็นฐานที่มั่นตระกูลชิดชอบ

รวมถึง ภาสกร บุญญลักษม์ จากอธิบดีกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย ที่ถูกแต่งตั้งในยุค มท.สีน้ำเงิน ไปเป็น ผู้ว่าฯ ระยอง

การโยกย้าย ล็อต 3 ซึ่งเป็นล็อตสุดท้ายในรัฐบาลเพื่อไทยเกิดขึ้นในวันที่ 19 ส.ค.2568 ครม.แพทองธาร มีมติห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทยรวม 25 ตำแหน่ง

จำนวนนี้ “8 ผู้ว่าราชการจังหวัด” ซึ่งถูกเด้งเข้ากรุไปนั่งตบยุงในตำแหน่ง “รองปลัดกระทรวงมหาดไทย” และ “ผู้ตรวจราชการกระทรวง” ซึ่งทั้ง 8 ชื่อล้วนอยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็นฐานเสียง “พรรคสีน้ำเงิน”

กระทั่งวันที่ 14 ต.ค.2568 หลังอำนาจเปลี่ยนผ่าน ที่ประชุม ครม. ที่มี “อนุทิน” เป็นประธาน ไฟเขียวบัญชีโยกย้ายจำนวน 45 ตำแหน่ง มีทั้งการแต่งตั้งตามรอบปกติ เแทนตำแหน่งที่เกษียณอายุ และมีทั้งข้าราชการใหม่ 

ขณะที่อีกส่วนชัดเจนว่า เป็นไปตามนโยบาย “นายกฯ หนู” ที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ จะเป็นคืนความเป็นธรรมให้กับบางคนที่อาจจะถูกกลั่นแกล้งจากการแต่งตั้งโยกย้าย 3 ครั้งที่ผ่านมา

ไล่ลึกรายชื่อสำคัญ “เจาะขุมกำลังการเมือง”  เห็นได้ชัดถึงการวางเกมในยามที่ภูมิใจไทยครองอำนาจกระทรวงมหาดไทย ในการจัดวางกลไกท้องถิ่นเพื่อเป็นฟันเฟือง เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่ใกล้มาถึงในช่วงเวลาอันใกล้ 

ส่องลึกแต่ละรายชื่อ มีทั้งในส่วนที่การโยกย้าย “คืนตำแหน่งเดิม” ประกอบด้วย “พรพจน์ เพ็ญพาส” ซึ่งถูกโยกเข้ากรุเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลเพื่อไทย ด้วยเหตุผลไม่เพิกถอนเขากระโดง คัมแบ็กตำแหน่ง “อธิบดีกรมที่ดิน”

ขณะที่ “ภาสกร บุญญลักษม์” ที่ถูกโยกในยุครัฐบาลเพื่อไทย จากอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ไปเป็นผู้ว่าฯ ระยอง ถูกดึงกลับเข้าส่วนกลาง นั่งรองปลัดกระทรวง

ส่วน “นฤชา โฆษาศิวิไลซ์” ที่ถูกเด้งจาก อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ไปเป็น ผู้ตรวจราชการฯ รอบนี้ก็ได้ขยับไปเป็น อธิบดีกรมการปกครอง ส่งผลให้ “อธิบดีเซมเบ้” นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ซึ่งย้ายจากผู้ว่าฯเชียงใหม่ มานั่ง อธิบดีกรมการปกครอง ต้องโยกอีกครั้งหลังจากทำหน้าที่อธิบดีได้ไม่นาน โดยถูกขยับไปเป็นผู้ว่าฯ ภูเก็ต

 เด้งประธานสอบ 'ไม่เพิกถอน' เขากระโดง

อีกหนึ่งตำแหน่งที่น่าสนใจคือ  "เชษฐา โมสิกรัตน์"  อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถูกโยกไปเป็นผู้ว่าฯ นนทบุรี 

ในส่วนของ “เชษฐา” รุ่นน้องของ “ภูมิธรรม เวชยชัย”  อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในรัฐบาลชุดที่แล้ว 

เพิ่งถูกโยกย้ายจากรองปลัดกระทรวงมหาดไทย มาเป็นอธิบดีกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย ตามมติ ครม.วันที่ 5 ส.ค.2568 เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน กรณีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง

เจาะขุมการเมือง “สีน้ำเงิน” ผงาด

ขณะที่ “8 ผู้ว่าราชการจังหวัด” ที่ถูกเด้งในรัฐบาลเพื่อไทย บางส่วนเกษียณอายุราชการไปเมื่อเดือนก.ย. ขณะที่อีกส่วน ได้คัมแบ็กในตำแหน่งเดิม อีกส่วนมีการสลับจังหวัดที่เป็นฐานเสียงพรรคภูมิใจไทย เช็กขุมกำลังแต่ละจังหวัด 

อังกูร ศีลาเทวากูล ที่ถูกเด้งไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงในรัฐบาลเพื่อไทย  คืนตำแหน่ง “ผู้ว่าฯ กระบี่” ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นรองผู้ว่าฯ จ.บุรีรัมย์ รองผู้ว่าฯ ราชบุรี และเป็นผู้ว่าฯ กระบี่ ในช่วงปลายปี 2567

เจาะลึกพื้นที่ จ.กระบี่ ภูมิใจไทยกวาด สส.ยกจังหวัด 3 คน ถือ เป็นฐานที่มั่นของตระกูล “กิตติธรกุล” ที่ผูกขาดสนามการเมืองมาอย่างยาวนาน  

ปัจจุบันมี “มท.ก้อย” ศศิธร กิตติธรกุล เป็นรมช.มหาดไทยในโควตาดังกล่าว 

วีระพันธ์ ดีอ่อน ที่ถูกเด้งไปเป็นผู้ตรวจราชการฯ ในยุครัฐบาลเพื่อไทย  “คืนตำแหน่งเดิม” ที่ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี

ในส่วนของ จ.ปราจีนบุรี ถือเป็นฐานที่มั่นของ “โกทร” สุนทร วิลาวัลย์ อดีตนายก อบจ.ปราจีนบุรี

ทว่าการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมาภูมิใจไทยต่ำเป้ามี สส.1 คน จากที่เคยได้ สส.ยกจังหวัด ส่วนอีก 2 ที่นั่งที่เหลือเป็นของประชาชน

ต้องจับตาหลัง “โกทร” ต้องคำพิพากษาในคดี สังหาร “สจ.โต้ง” ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ ไม่ต่างจากการเมือง จ.ปราจีนบุรี ที่ถูกตีท้ายครัวรอบทิศโดยเฉพาะซุ้มผู้กองธรรมนัสที่สนับสนุน “นายก จอย” ณภาภัช อัญชสาณิชมน ภรรยา สจ.โต้ง ผู้ล่วงลับจนได้เป็นนายก อบจ.ปราจีนบุรี คนปัจจุบัน เกมการเมืองหลังจากนี้สู้กันดุเดือดแน่นอน 

ว่าที่ พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ  ถูกเด้งไปเป็นผู้ตรวจราชการฯ ในรัฐบาลเพื่อไทย สลับจากตำแหน่งเดิมคือ “ผู้ว่าฯ  อุบลราชธานี” โยกไปเป็น “ผู้ว่าฯ นครพนม”  โดย “ผู้ว่าฯอดิศักดิ์”  ก่อนหน้าเคยเป็นผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ และโยกไปเป็นผู้ว่าฯ  อุบลราชธานีในเดือนพ.ย.2567

เช็กขุมกำลัง จ.นครพนม เป็นฐานที่มั่นของพรรคเพื่อไทย และภูมิใจไทย โดยการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา 2 พรรคเฉลี่ยพื้นที่ไปคนละครึ่ง เพื่อไทยซึ่งมี “มนพร เจริญศรี” รมช.คมนาคม เป็นแม่ทัพ มี สส. 2 คน เช่นเดียวกับภูมิใจไทย ที่มี “ครูแก้ว” ศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรองประธานสภาฯ เป็นแม่ทัพที่มี สส.2 คน

สัปดาห์ที่ผ่านมา  “นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่ จ.นครพนม ช่วงหนึ่งพูดถึงสารพัดนโยบายภูมิใจไทยทั้ง ฟอกไตฟรีทั่วประเทศ” ในสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือแม้แต่นโยบาย “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งจะเปิดให้ใช้เร็ว ๆ นี้ นโยบายพักหนี้สำหรับประชาชนที่เป็นหนี้ไม่เกิน 100,000 บาท

ย่อมเป็นการตอกย้ำจังหวะก้าวย่างพรรคภูมิใจไทยชิงจังหวะโดยใช้นโยบายเหล่านี้เพื่อปูฐานการเมือง 

ณรงค์ เทพเสนา ถูกเด้งไปเป็นผู้ตรวจราชการฯ ในยุครัฐบาลเพื่อไทย รอบนี้ถูกสลับจากผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ ซึ่งเป็นฐานเสียงพรรคภูมิใจไทย ไปเป็น “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี”

เช็กขุมกำลังเมืองดอกบัว ภูมิใจไทยมี สส.3 คนจากทั้งหมด 11 คน หนึ่งในจำนวนนี้คือ “แนน บุณย์ธิดา สมชัย”โฆษกพรรคภูมิใจไทย ลูกสาว “อิสระ สมชัย” พ่อใหญ่เมืองดอกบัวที่ย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์ มาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา 

ต้องจับตา “สนามเมืองดอกบัว” ซึ่งถือเป็นฐานที่มั่นสำคัญของพรรคสีน้ำเงิน ที่เวลานี้กำลังโหมกระแสชาตินิยม แถมยังปรากฏภาพ "เกรียง กัลป์ตินันท์" แห่งพรรคเพื่อไทย เข้าพบ “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่สีน้ำเงิน เมื่อวันที่ 8 ต.ค.68 ที่ผ่านมา จนถูกตีความว่าเป็นการส่งสัญญาณไปถึงสนามการเมืองในอนาคต 

แน่นอนว่า โผโยกย้ายล็อตล่าสุด นอกเหนือจากจะเป็นการรับลูกนโยบาย  “นายกฯอนุทิน” ที่ประกาศชัดคืนความเป็นธรรม ให้กับ “บิ๊กข้าราชการ” เสมือนเป็นการ “ล้างไพ่” รัฐบาลแพทองธารแล้ว

โผโยกย้ายรอบนี้ยังส่งสัญญาณชัดถึงการวางเกมไปสู่การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้าไม่นานหลังจากนี้ ว่ากันว่า “45 รายชื่อ” ที่ ครม.ไฟเขียว ยังไม่ใช่ล็อตสุดท้าย แต่ยังมีอีกหลายตำแหน่งที่ตกค้าง ซึ่ง ครม.อนุทิน จะมีมติในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน! 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์