'โรม' จี้นายกฯเลือกข้าง แนะทำตามสหรัฐฯ ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์

'โรม' จี้นายกฯเลือกข้าง แนะทำตามสหรัฐฯ ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์

'โรม' จี้ 'อนุทิน' ถึงเวลาต้องเลือก จะอยู่ข้างอาชญากร หรืออยู่ข้างประชาชน แนะเอาอย่างสหรัฐฯ ตั้งคณะทำงานถาวร ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-สแกมเมอร์

KEY

POINTS

  • นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเอาอย่างสหรัฐอเมริกาในการตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ
  • ชี้ว่าเครือข่ายสแกมเมอร์เป็นปัญหาระดับนานาชาติที่มีความเชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจในประเทศไทย
  • กระตุ้นให้นายกรัฐมนตรีต้องเลือกข้างระหว่างประชาชนกับอาชญากร โดยระบุว่าการเพิกเฉยไม่ต่างจากการสนับสนุนเครือข่ายเหล่านี้

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2568 นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยถึงกรณีสหรัฐอเมริกามีการเสนอร่างกฎหมาย “Dismantle Foreign Scam Syndicates Act” โดยระบุว่า กฎหมายฉบับนี้สำคัญต่อทั้งโลก เพราะมีเป้าหมายให้รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อรื้อถอนและปิดศูนย์อาชญากรรมข้ามชาติ ที่อยู่เบื้องหลังออนไลน์สแกมเมอร์ ตั้งแต่เว็บลงทุนปลอม โรแมนซ์สแกม ไปจนถึงการค้ามนุษย์ที่แฝงตัวอยู่ในเครือข่ายเหล่านั้น โดยในร่างนี้ปรากฏชื่อ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์, ยิม เลียก, ฮุน โต รวมถึง Huione Group ที่ตนเคยพูดถึงไปแล้วในสภา

นายรังสิมันต์ ระบุว่า ความเคลื่อนไหวในสหรัฐฯ แบบนี้ คือสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าเครือข่ายอาชญากรของกลุ่มคนเหล่านี้มีอยู่จริง และเป็นที่จับตามองของนานาชาติ ทั้งนี้การอภิปรายของตนตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของชาติ ไม่ได้ต้องการกลั่นแกล้งใคร อาชญากรรมโดยแก๊งสแกมเมอร์ไม่ใช่เรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่คืออาชญากรรมข้ามชาติที่มีรากอยู่ในภูมิภาคอาเซียน ในประเทศเพื่อนบ้าน และที่แย่ที่สุดคือการที่ขบวนการเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจในประเทศไทย

“ผมคิดว่าประเทศไทยของเราต้องไม่อยู่เฉย และปล่อยให้แผ่นดินเราอาจกลายเป็นทั้งทางผ่านและพื้นที่พักพิงของเครือข่ายสแกมเมอร์อย่างที่เป็นทุกวันนี้ วันนี้เงินเทาของแก๊งสแกมเมอร์กำลังจะยึดประเทศชาติของเราอยู่แล้ว โดยมีนักการเมือง ข้าราชการเป็นลูกหาบ คอยช่วยเหลือ คุ้มกัน และปิดปากใครก็ตามที่มาท้าทายตัวการใหญ่ของแก๊งสแกมเมอร์” นายรังสิมันต์ ระบุ

นายรังสิมันต์ ระบุอีกว่า รัฐบาลไทยควรทำแบบเดียวกับสหรัฐฯ ด้วยการตั้ง “คณะทำงานถาวร” ที่รวมหน่วยงานต่างๆ ให้สามารถทำงานร่วมกันได้จริง ไม่ใช่โยนความรับผิดชอบกันไปมาเหมือนที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ ที่สำคัญท่านนายกรัฐมนตรีต้องไม่ปล่อยให้ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ที่มีความสัมพันธ์กับเบน สมิธ ที่ปรึกษาของสมเด็จฮุนเซ็น แสดงพฤติกรรมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ข้อมูลต่างๆ บ่งชี้ว่าเรื่องนี้คือเรื่องใหญ่ และไม่ใช่เฉพาะในไทย ถ้านายกฯ ยังคงไม่ดำเนินการอะไร เงียบต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ ผมก็ชักสงสัยในจุดยืนของท่านอนุทินต่อเรื่องสแกมเมอร์ การเพิกเฉยต่อเรื่องนี้และไม่ลงมือปราบปรามอย่างจริงจัง ก็ไม่ต่างอะไรกับการให้การสนับสนุนเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ เห็นตำรวจบางคนของไซเบอร์ออกมาท้าทายผมผ่านสื่อ ก็ต้องเรียนว่าท่านไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ทุกวันนี้ความเสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์มันมากมายมหาศาล ถ้าท่านทำหน้าที่ได้ดี ประเทศมันก็ไม่เป็นแบบนี้แล้ว แต่ถ้าท่านทำไม่ได้ กรุณาช่วยลาออก หรือไม่ก็ขอย้ายไปอยู่ที่อื่น ให้คนมีศักยภาพ มีความสามารถมาทำ ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลของนายกฯ อนุทินจะต้องเลือกข้าง จะอยู่ข้างอาชญากรหรือจะอยู่ข้างประชาชน” นายรังสิมันต์ ระบุ

ข้อมูลจาก: Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม