'สว.พิสิษฐ์' สับเละ! ร่างรธน.ปชน.ฉบับ'เซาะกร่อนบ่อนทำลาย'

'สว.พิสิษฐ์'  สับเละ! ร่างรธน.ปชน.ฉบับ'เซาะกร่อนบ่อนทำลาย'

สว.พิสิษฐ์ สับเละร่างรธนปชน.ฉบับเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ส่อเจตนาแก้หมวด1-2 เหน็บหาชื่อพรรคใหม่ไว้แล้วหรือยัง

การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 3ฉบับ ของพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา156 เพิ่มหมวด15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

นายพิสิษฐ์  อภิวัฒนาพงศ์ สว. อภิปรายยืนยันว่า ในฐานะสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่ไม่เคยขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่มีกระแสข่าว หากแต่สมาชิกส่วนใหญ่รอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ  

ย้ำว่าสมาชิกเคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่ให้ความเห็นชองร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่7ส.ค.2559 จำนวน16ล้านเสียง

นายพิสิษฐ์ ยังกล่าวว่า ในส่วนของเนื้อหาทั้ง3ร่าง ตนขออภิปรายแค่ในส่วนของร่างพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย มองว่า เป็นร่างที่มีความสุ่มเสี่ยงที่จะขัดหรือแย้งต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญจนต้องตั้งชื่อร่างว่า เป็นร่างรัฐธรรมนูญที่เซาะกร่อนบ่อนทำลาย ส่อขัดกฎหมายและไม่เคารพคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญใน6ประเด็น 
 

1.มีเจตนาที่แก้ไขหมวด1และหมวด2อย่างชัดเจนสะท้อนผ่านร่างแก้ไขในมาตรา256/26 อนุ2 ที่ระบุว่า การให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คำว่า "การให้" เสี่ยงขัดต่อมาตรา2ที่ระบุว่า ประเทศไทยต้องมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

ถามว่าตนต้องร้องขอนายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนและพรรคประชาชนหรือไม่เพื่อให้มีแบบนี้ในรัฐธรรมนูญฉบับต่อไป

นอกจากนี้ในมาตรา6หมวด2 ระบุไว้ว่า "องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้" ตนต้องกราบขอร้องนายพริษฐ์และพรรคประชาชนว่าต้องขอร้องให้มีบทบัญญัติส่วนนี้ด้วยหรือไม่

ตนคงต้องขอทบทวนความจำให้แก่ท่านว่า ท่านคงไม่เข็ดใช่หรือไม่ว่าการยุบพรรคก้าวไกลเกิดจากอะไร

"ผมคงต้องถามท่านพริษฐ์และพรรคประชาชนว่า เจตนาของท่านต้องการแก้ไขหมวด1หมวด2แบบที่ท่านเขียนใช่หรือไม่และอีกประการที่ผมต้องตั้งคำถามคือ ท่านเตรียมหาชื่อพรรคใหม่ไว้แล้วหรือยัง ท่านเขียนแบบนี้มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูยอย่างชัดเจน"
 

2.บันทึกหลักการและเหตุผล ที่ระบุว่ามีความเชื่อมโยงกับคณะรัฐประหารที่ถูกรับรองโดยกระบวนการประชามติที่ไม่เป็นธรรม ถือเป็นการดูถูกดูแคลนประชาชนจำนวน16ล้านเสียงว่า เป็นพวกนิยมเผด็จการเพราะเห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่ 

3.การเพิ่มหมวด15/1 ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้คณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ มาจากการเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง  เสี่ยงที่จะขัดหรือแย้งต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่ารัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง  ร่างฉบับนี้จึงมีเจตนาให้มีผู้มาร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความหรือไม่

ทั้งนี้ขอฝากไปถึงร่างของนายชูศักดิ์ ศิรินิล และพรรคเพื่อไทยด้วยว่า บทบัญญัติมาตรา256/6 ที่ให้มีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการรับสมัครเลือกตั้งสสร.จะตีความว่าขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ 

4.สภาที่ปรึกษายกร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องให้มีการตั้งสภาดังกล่าว ทั้งที่อำนาจหน้าที่นี้ควรเป็นของกมธ.ที่สามารถตั้งที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ได้อยู่แล้ว ท่านมีเจตนาอื่นใดแอบแฝงหรือไม่  

5. คุณสมบัติของกมธ.ยกร่างและะสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญทำไม่ถึงไม่เอามาตรา98อนุ5 ของรัฐธรรมนูญ  ที่ระบุคุณสมบัติต้องห้ามมาบัญญัติไว้ในคุณสมบัติต้องห้าม  

"การยกเว้นคุณสมบัติส่วนนี้ กำลังจะให้สิทธิกับผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเข้ามาเป็นกรณีพิเศษหรือหางานทำให้กับผู้มีบารมีนอกพรรคผู้นำจิตวิญญาณของพวกท่านเข้ามาทำงานเป็นกมธ.ยกร่างฯ"

 
6.ในการออกเสียงให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามมาตรา256/28  ประเทศไทยมี2สภาคือสส.500คน และสว.200คน  

หากจะเขียนให้ใช้เสียงสส.เกินกึ่งหนึ่งก็สามารถผ่านร่างรัฐธรรมนูญได้เลย อีกทั้งกำหนดให้มีการพิจารณาเพียงวาระเดียว ประเด็นนี้อาจขัดหรือแย้งกับการพิจารณาของกฎหมายทั่วไปของสส.และสว.ที่จะต้องพิจารณา3วาระ  จะเกิดการถ่วงดุลระหว่าง2สภาได้หรือไม่ 

"ผมยินดีที่จะลดอำนาจบางส่วนเพื่อเป็นประโยชน์ให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเคารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด สุดท้ายนี้ผมหวังว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่พวกท่านคงไม่เอาคำ2นี้ออกจากรัฐธรรมนูญ นั่นคือ ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และ ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ออกจากรัฐธรรมนูญ "