'ณัฐพงษ์' โว มืออภิปราย ปชน. เด็ดทุกคน ไม่สน ภท.ดันร่างแก้ รธน. ตัวเอง

“ณัฐพงษ์” โว มืออภิปราย ปชน. เด็ดทุกคน ไม่สน ภท.ดันร่างแก้ รธน. ตัวเองเป็นร่างหลัก ยันไม่มีล็อกสเปกในชั้น กมธ. ปัดตอบ สว.ไฟเขียวเพราะ “อนุทิน”
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 14 ต.ค. ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีการอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันเดียวกันนี้ ว่า พรรคประชาชนเตรียมผู้อภิปรายไว้พร้อมมีประมาณ 20 คน โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน และตนจะเป็นผู้อภิปรายปิด ซึ่งมีการแบ่งหมวดอภิปรายไว้ครบทุกหมวด ทั้งนี้ การอภิปรายทั้ง 2 วัน คือเรื่องรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 คือกระบวนการที่จะนำไปสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งในส่วนพรรคประชาชน เตรียมเนื้อหาเพื่อให้ประชาชนเห็นถึงความจำเป็นไม่ใช่แค่การแก้ไขปัญหาการเมือง แต่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาปากท้อง และคุณภาพชีวิต
เมื่อถามว่า ผู้อภิปรายมีใครน่าจับตาหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เด็ดทุกคน เตรียมเนื้อหามาค่อนข้างเข้มข้น เราเตรียมเนื้อหาไว้ครบทั้งการแก้ปัญหาใกล้ตัว การกระจายอำนาจ และการถ่วงดุลตรวจสอบ เพื่อให้ กลไกศาลและองค์กรอิสระไม่ถูกใช้เป็นอาวุธในการทำลายทางการเมือง
เมื่อถามว่า ฝั่งรัฐบาลและสว.ยืนยันว่าต้องไม่แตะหมวดหนึ่งหมวดสอง พรรคประชาชนมีจุดยืนอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นร่างของพรรคใดก็ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปี 2560 ล็อคไว้อยู่แล้ว ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นทั้งร่างของพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยกังวลว่า พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนจะตกร่างของพรรคเพื่อไทย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องดูการอภิปรายว่าแต่ละส่วนให้เหตุผลอย่างไร แต่จากที่ตนติดตาม ทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย และสว.บางส่วน มีแนวโน้มจะรับทุกร่าง ที่สำคัญคือจะทำอย่างไรให้ผู้ยกร่างมีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด
เมื่อถามว่า หากใช้ร่างของพรรคภูมิใจไทยเป็นร่างหลักจะมีข้อครหาหรือไม่ว่าที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูฐ (ส.ส.ร.) นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า วิเคราะห์กันได้ หลายคนก็ตั้งคำถามว่าร่างของพรรคภูมิใจไทยมีความยึดโยงกับประชาชนน้อยหน่อย แต่ไม่ว่าร่างของใครจะเป็นร่างหลัก ก็ยังสามารถผลักดันในชั้นกรรมาธิการได้ เพราะเมื่อคำนวณสัดส่วนของกรรมาธิการแล้วความสมดุล และหากผ่านชั้นกรรมาธิการแล้วเป็นร่างที่พรรคประชาชนไม่สามารถยอมรับได้ พรรคประชาชนก็ไม่สามารถลงมติรับร่างในวาระที่ 3 ได้
เมื่อถามว่า แม้สส.จะเห็นไปทางเดียวกันแต่ในส่วนสว. จะถูกมองว่าเป็นการตีกินหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้ห่วงว่าเป็นการตีกิน เพราะในสัดส่วนของกรรมาธิการไม่มีใครสามารถตีกินได้
เมื่อถามว่า ครั้งนี้ สว.ส่งสัญญาณโหวตรับทั้ง 3 ร่างมองว่าเป็นเพราะอะไร นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ต้องดูว่ามีใครสามารถเข้าไปพูดคุยได้หรือไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของทุกพรรคที่ต้องพูดคุยกับสมาชิกรัฐสภาทุกฝ่าย แต่หนึ่งในนั้นคือคนที่อยู่ใน MOA คือ นายอนุทินชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เชื่อว่าการจะทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านทั้ง 3 วาระ นายอนุทินก็เป็นส่วนสำคัญที่ไปทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน
เมื่อถามย้ำว่า หมายความว่าสว.โหวตให้เพราะสนับสนุนนายอนุทินใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนไปพูดแบบนั้นอาจจะขัดหลักการทุกคนประเมินเอาดีกว่า พรรคภูมิใจไทยก็คงยอมรับในที่สาธารณะไม่ได้
เมื่อถามย้ำว่า นายอนุทินมีผลหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องไปประเมินเอา แต่เชื่อว่า ประชาชนเล็งเห็นได้ว่าการตัดสินใจของพรรคประชาชนที่โหวตให้นายอนุทิน ทำให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างมีนัยสำคัญจาก 2 ปีที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย
เมื่อถามว่า มองว่ามีการล็อกสเปกการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สัดส่วนของกรรมาธิการไม่มีใครสามารถกินรวบได้ ดังนั้นจะกินรวบหรือไม่ขอให้ดูการทำหน้าที่ของกรรมาธิการ
เมื่อถามว่า ขณะนี้กฎหมายประชามติฉบับใหม่ยังไม่ประกาศใช้ หากต้องเดินหน้าทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประเมินว่าจะส่งผลอะไรหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ประเมินว่าร่างประชามติจะประกาศใช้ทัน ทั้งนี้กระบวนการส่งร่างรัฐธรรมนูญให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการทำประชามติ ต้องรอดูว่าพ.ร.บ.ประชามติจะประกาศใช้เมื่อไหร่ เพื่อไม่ให้มีข้อขัดข้องทางกฎหมาย
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยยืนยันจะใช้ร่างของพรรคภูมิใจไทยเป็นร่างหลัก นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนยืนยันว่าจะใช้ร่างของเราเป็นร่างหลัก ซึ่งเป็นสิทธิ์ของทุกพรรคจะเสนอร่างของตัวเองเป็นร่างหลัก แต่อยู่ที่ผลการลงมติ และในส่วนของวิปก็ต้องมีการพูดคุยเจรจากัน ท้ายที่สุดหากหาจุดลงตัวกันไม่ได้ก็ต้องดูที่ผลการลงมติ
เมื่อถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระแรก แล้วต้องรอจนถึงวาระที่สาม จะทำให้เกิดช่องว่างของการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า จะไม่หยุดทำหน้าที่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ในระหว่างนี้ถ้าเราเห็นว่ามีการดำเนินการอย่างหนึ่งหนึ่งอย่างใดของรัฐบาล ที่อาจทำให้ประเทศเสียหาย โดยที่ไม่สามารถเรียกคืนความเสียหายเหล่านั้นกลับมาได้อีก พรรคประชาชนจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ เช่น กลไกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ยังเป็นสิ่งที่เราเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ถ้าใครได้รับผลกระทบของการใช้อำนาจของรัฐบาล เช่น การแต่งตั้งโยกย้าย ก็สามารถให้ข้อมูลมายังพรรคประชาชนได้
เมื่อถามย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นเงื่อนไขให้ไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นเงื่อนไขเพียงหนึ่งเดียว ถึงแม้การโหวตนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้เงื่อนไข MOA มีเป้าประสงค์ในการเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะสามารถเอาไปแลกกับความเสียหายในประเทศทุกเรื่อง เพราะฉะนั้น การดำเนินการทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขชายแดนไทย-กัมพูชา การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง หรือไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหากรัฐบาลนำอำนาจไปใช้ทำให้ประเทศไทยเสียหาย เราเองก็ไม่สามารถที่จะยอมได้







