โจทย์ใหญ่ ‘วราวุธ ศิลปอาชา’ รักษา 'มรดกพ่อ' ต่อยอด 'นายกฯ'??

โจทย์ใหญ่ ‘วราวุธ ศิลปอาชา’ รักษา 'มรดกพ่อ' ต่อยอด  'นายกฯ'??

แม้ "วราวุธ" ปฏิเสธกระแสข่าวลือ นั่ง แคนดิเดตนายกฯ พท. ทว่าด้วยสายสัมพันธ์ที่ดีของเพื่อนเก่า "ประภัตร-ทักษิณ" จึงต้องจับตา ทางเลือกใหม่ เพื่อรักษามรดก-สานฝัน "บรรหาร"

KEY

POINTS

  • กระแสข่าว "วราวุธ ศิลปอาชา" อาจเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย  เจ้าตัวไม่ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจนว่า ไร้ดีลการเมือง
  • เมื่อจับทางของเรื่องนี้ อาจเป็นดีลพิเศษจาก คนชื่อ "ประภัตร โพธสุธน" เพื่อนเก่าของ "ทักษิณ ชินวัตร" 
  • ท่ามกลางการเลือกตั้งที่แข่งขันเข้มข้น "พรรคชาติไทยพัฒนา" ต้องเผชิญความท้าทายในการรักษาฐาน สส. ที่มีอยู่
  • การเติบโตของคู่แข่ง พรรคสีส้ม สมาชิกลาออกล้วนเป็นปัจจัยที่คือโจทย์ยาก ของ "วราวุธ" ที่ต้องรักษาพรรคไม่ให้สูญพันธุ์ 
  • สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ จะทำอย่างเก่า หรือ หาทางเลือกใหม่ เพื่อรักษามรดกพ่อ และสานต่อฝัน ก้าวเป็น "นายกฯ" เหมือนพ่อ

“ขอบคุณที่ให้เกียรติ ยืนยันพรรคชาติไทยพัฒนายังอยู่กัน 10 คน ไม่มีใครไปไหน กระแสข่าวที่ออกมาในช่วงที่การเมืองแข่งขันเข้มข้น ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย หลายพรรคต้องการสร้างความเข้มแข็ง ไม่แปลกใจ ต่อข่าวลือที่เกิดขึ้น และไม่ทราบว่าใครให้ข่าวนี้” 

เป็นประเด็นที่ “วราวุธ ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ชี้แจงเมื่อค่ำวันที่ 9 ต.ค. ที่ผ่านมา ในกระแสข่าว มีชื่อของเขาเป็นหนึ่งในดีลพรรคเพื่อไทย ที่กำลังหาแคนดิเดตนายกฯ

ทว่านัยที่ “วราวุธ” สื่อออกมานั้น ในทางการเมือง ไม่ถือว่าเป็นคำปฏิเสธอย่างชัดเจน ว่า “ไร้ดีลพิเศษการเมือง”  เพราะในประโยคต่อมา เขาระบุว่า  “ยืนยันว่าวันนี้เรายังไม่ได้ตกลงกับใคร ทุกคนยังเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา หากมีอะไรเกิดขึ้นพวกเราจะรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เข้าใจปรากฎการณ์การเมืองที่พรรคการเมืองใหญ่หลายพรรคต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับจำนวนสส. ดังนั้นพรรคเล็กจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนมาพูดคุยกับ สส.ของพรรคบ้าง” 

โจทย์ใหญ่ ‘วราวุธ ศิลปอาชา’ รักษา 'มรดกพ่อ' ต่อยอด  'นายกฯ'??

ดังนั้น ท่ามกลางความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น “วราวุธ” จึงไม่ใช่คนดีลเอง แต่ย่อมมีคนที่เหนือกว่ารับรู้

ประเด็นที่เกิดขึ้น จึงถูกจับตาไปที่ “ประภัตร โพธสุธน” แม่บ้านชาติไทยพัฒนา ที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ว่ามีส่วนในดีลนี้หรือไม่

หากย้อนไปยังช่วงเวลาหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 มีภาพ “ประภัตร” บินไปพบ “ทักษิณ” ที่ฮ่องกง ต่อมา “เลขาฯพรรคชาติไทยพัฒนา” ออกมายอมรับว่าไปจริง ในฐานะเพื่อนเก่า เพื่อนสนิทที่ผูกพัน และได้พูดคุยกันประมาณ 2 ชั่วโมง ถึงความหลังครั้งเก่า ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา การทำงานร่วมกับอดีตนายกฯ บรรหาร ศิลปอาชา และไม่มีดีลการเมือง

โจทย์ใหญ่ ‘วราวุธ ศิลปอาชา’ รักษา 'มรดกพ่อ' ต่อยอด  'นายกฯ'??

กระทั่งต่อมา “พรรคชาติไทยพัฒนา” ถูกเลือกให้เข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มี “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกฯ และต่อเนื่องในสมัยของ “แพทองธาร ชินวัตร”

ซึ่ง “วราวุธ” ได้รับตำแหน่ง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรียกว่าตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง “พรรคชาติไทยพัฒนา” ที่ “ประภัตร” เป็นตัวละครหลักหลังบ้าน กับ “พรรคเพื่อไทย” ที่ “ทักษิณ” ยังกุมทิศทาง

เมื่อกระแสลมเปลี่ยนทิศรัฐบาลถูกเปลี่ยนมือจาก “พรรคเพื่อไทย” เป็น “พรรคภูมิใจไทย” ทิศทางของ “ชาติไทยพัฒนา” ยังปักหลัก สนับสนุน “พรรคเพื่อไทย” จึงถือเป็นจุดสะท้อน สัมพันธภาพของการเมืองภาพใหญ่ ที่เหนียวแน่น

แม้ว่าระหว่างทางในศึกเลือกตั้งท้องถิ่น “นายกอบจ.สุพรรณบุรี” พรรคสีแดงเคยลองเชิง ท้าชิงบ้านใหญ่ “ศิลปอาชา” โดยใช้ “คนเก่าคนแก่” ของพรรคสีชมพู แต่ด้วยความที่ภาพของบ้านใหญ่ชัดเจน ผลเลือกตั้ง นายก อบจ. จึงยังเป็นคนของ พรรคชาติไทยพัฒนา

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการแข่งขันทางการเมือง หลังยุบสภา ม.ค.69 หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาตระหนักดีว่าการแข่งขันจะเข้มข้น และ “ตระกูลศิลปอาชา” ต้องใช้พลังมากกว่าเดิม

โจทย์ใหญ่ ‘วราวุธ ศิลปอาชา’ รักษา 'มรดกพ่อ' ต่อยอด  'นายกฯ'?? หากต้องการให้พรรคชาติไทยพัฒนาแลนด์สไลด์ในจังหวัดสุพรรณบุรี เพราะมีตัวอย่างจากจังหวัดเพื่อนบ้าน อย่าง “นครปฐม” ที่ “ตระกูลสะสมทรัพย์” บ้านใหญ่ พ่ายศึกเลือกตั้งให้กับ “พรรคสีส้ม” 

อีกทั้งผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ในจังหวัดสุพรรณบุรี ทั้ง 5 เขต ปรากฏว่าคู่แข่งจากพรรคสีส้ม เบียดแย่งคะแนนได้ทุกเขต เช่นเดียวกับผลเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ พรรคสีส้มชนะขาด

กับความเคลื่อนไหวของพรรคต่อการเตรียมพร้อมเลือกตั้ง “นิกร จำนง” ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่า วันที่ 13 ธ.ค. พรรคนัดประชุมใหญ่สามัญเป็นพิเศษ ที่สาขาจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อเลือกกรรมการสรรหาผู้สมัคร สส. แทนตำแหน่งที่ว่าง 3 ตำแหน่ง ส่วนจะมีวาระการเมืองอื่นๆ หรือไม่ เพราะอยู่ในช่วงใกล้ยุบสภา ต้องรอฟังจาก “หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา” เอาเอง

สำหรับกรรมการสรรหาผู้สมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็น สส. ของพรรคชาติไทยพัฒนา ปัจจุบันมีชื่อ “ประภัตร” เป็นผู้นำทัพ และยังถือว่าเป็นมือดีลการเมือง เพื่อหาทางให้พรรคชาติไทยพัฒนามีทางไปและอยู่ได้ต่อในเวทีการเมืองระดับชาติ

ปัจจุบันพรรคชาติไทยพัฒนามี สส. 10 คน แบ่งเป็น สส.บัญชีรายชื่อ 1 คน คือ “วราวุธ” สส.สุพรรณบุรี 5 คน  ได้แก่ สรชัด สุจิตต์  ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ นพดล มาตรศรี เสมอกัน เที่ยงธรรม ประภัตร โพธสุธน

โจทย์ใหญ่ ‘วราวุธ ศิลปอาชา’ รักษา 'มรดกพ่อ' ต่อยอด  'นายกฯ'?? สส.ร้อยเอ็ด 1 คน คือ  อนุรักษ์ จุรีมาศ สส.นครปฐม 3 คน คือ พาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์  อนุชา สะสมทรัพย์ และศุภโชค ศรีสุขจร

ขณะเดียวกัน นับตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง ปี 2566 มาจนถึงปัจจุบัน พบว่า ภายในพรรคมีการเปลี่ยนแปลงระดับมดงาน “สันติ กีระนันท์-ยุทธพล อังกินันทน์” ลาออกจากสมาชิกพรรค รวมไปถึง “สุรสิทธิ์-วันชัย เจียมวิจักษณ์” ที่เป็นตัวแทนพรรคเลือกตั้งใน พื้นที่ จ.เชียงราย ได้ลาออกไปลงสมัคร สจ. ในทีมของ “พรรคเพื่อไทย” โดยรวมแล้วการออกของเหล่าสมาชิกพรรค อยู่ที่ 30%  

เลือกตั้งรอบที่ผ่านมา ถือเป็นงานเหนื่อยของ “วราวุธ-ประภัตร” ที่ต้องระดมกำลัง เพื่อประคองให้ “ชาติไทยพัฒนา” เติบโต ในทางที่หมายถึงได้ สส. เพิ่ม 

การเลือกตั้งรอบที่จะมาถึง มีโจทย์ใหม่ ท่ามกลางวิถีการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป คือ การรักษาสภาพ ไม่ให้ “สูญพันธุ์” พร้อมกับการรักษาจุดยืนดั้งเดิมได้อย่างไร

จึงเป็นมุมที่ต้องติดตามว่า  “คีย์แมนสีชมพู” จะทำอย่างไร ระหว่าง “ลุยเดี่ยว” หรือ “เลือกทางใหม่”  เพื่อค้ำยันให้ “พรรคบรรหาร” คงอยู่ในสารบบการเมืองไทยให้ยาวนานที่สุด ไปพร้อมกับสานฝัน ที่ให้ได้ชื่อว่า "วราวุธ" ลูกอดีตนายกฯ-บรรหาร ได้เป็น "นายกฯ" เหมือนพ่อ